นายประยูร คลองยศ รองผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (สปภ.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม ที่ผ่านมา สปภ.ได้หารือกับผู้แทนอู่ต่อเรือซีทโบ๊ตพัทยา จ.ชลบุรี เรื่องขอนำเรือดับเพลิง 10 ลำ จากทั้งหมดจำนวน 30 ลำ ของกทม. ที่จอดอยู่ในอู่ต่อเรือซีตโบ๊ตมาเข้าสู่กระบวนการซ่อมแซมตามระเบียบของกทม.ก่อน เนื่องจากเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางอู่ต่อเรือได้มีหนังสือถึงกทม. เรื่องขอสงวนสิทธิในการฝากจอดเรือทั้งหมด และเสนอเป็นผู้ซ่อมแซมเรือและขนย้ายเรือมาที่กทม.ซึ่งกทม.ไม่สามารถดำเนินการตามที่เสนอมาได้ เพราะการหาผู้รับจ้างมาซ่อมแซมเรือ ต้องเป็นไปตามระเบียบราชการ ประกอบกับก่อนหน้านี้ กทม.ได้เจรจาและตกลงเรื่องค่าใช้จ่ายในการฝากจอดเรือแล้ว ดังนั้นเพื่อให้เกิดความชัดเจน และได้ข้อสรุปถึงแนวทางการซ่อมแซมเรือ สปภ.จึงเชิญทางอู่ต่อเรือฯมาหารือ
“จากการหารือได้ข้อสรุปเบื้องต้นว่า สัปดาห์หน้า สปภ.จะลงพื้นที่ไปตรวจสอบสภาพเรืออีกครั้ง และขนอุปกรณ์เรือที่สามารถขนมาได้ก่อน ส่วนการขนย้ายเรือ ที่ประชุมมีมติให้ขนย้ายทางบก ขณะนี้สปภ.อยู่ระหว่างพิจารณาหาผู้ขนย้ายเรือภายใต้ระเบียบกทม. เพราะขีดจำกัดเรื่องอุปกรณ์ รถ ที่ สปภ.มีอยู่ไม่สามารถขนเรือดับเพลิงมาได้ ทั้งนี้ สปภ.จะแจ้งให้อู่ต่อเรือซีทโบ๊ท ทราบถึงวันที่ที่จะขนย้ายเรือ เพราะการขนย้ายเรือหรืออุปกรณ์ออกจากอู่ต่อเรือมีกำหนดปิดเปิดพื้นที และเพื่ออำนวยความสะดวกในการเคลื่อนย้าย เมื่อผ่านขั้นตอนนี้แล้ว ก็จะเข้าสู่กระบวนการหาผู้รับจ้างมาซ่อมเรือ ตามระเบียบราชการ และขอยืนยันว่าการดำเนินการต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้” นายประยูร กล่าว
