ภายหลังจากกรุงเทพมหานครบุกเข้าไปทำความสะอาดบ้านหลังหนึ่งย่านห้วยขวาง กรุงเทพฯ เนื่องจากได้รับการร้องเรียนจากเพื่อนบ้านเรื่องกลิ่นเหม็น
ปรากฏว่าชายเจ้าของบ้านมีอาชีพเก็บของเก่าได้เลี้ยงนกพิราบไว้เป็นจำนวนมาก มูลนกพิราบและเศษขยะที่เจ้าของบ้านสะสมไว้ได้ส่งกลิ่นเหม็นรบกวนเพื่อนบ้าน แม้ว่าจะพยายามร้องเรียนมาหลายครั้งแล้วก็ตาม
ตั้งแต่ปี 2545 เจ้าของบ้านเคยถูกเพื่อนบ้านฟ้องร้องเรื่อยมา แต่เจ้าตัวยอมเสียค่าปรับเป็นเงิน 1,000 บาททุกครั้ง เพื่อยุติปัญหาในชุมชน
กระทั่งล่าสุด เจ้าหน้าที่สำนักอนามัยและสำนักงานเขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร (กทม.) เข้าเจรจาและนำเจ้าหน้าที่ กทม.กว่า 20 คน ระดมกำลังพร้อมรถเก็บขยะ 1 คัน เข้าทำความสะอาด เก็บขยะ สิ่งของเครื่องใช้ที่ไม่สามารถใช้งานได้ออกจากบ้านหลังดังกล่าว
แต่เมื่อฉีดยาฆ่าเชื้อและท่อระบายน้ำ พบว่ามีกองทัพแมลงสาบวิ่งออกมาจากที่ซ่อนจำนวนมาก เพื่อนบ้านต่างนำยาฉีดไล่แมลงสาบบริเวณรอบบ้านของตนเอง เพื่อป้องกันแมลงสาบวิ่งเข้าบ้าน
และยิ่งสร้างความตกใจยิ่งขึ้นเป็นทวีคูณ เมื่อเจ้าของบ้าน หยิบแมลงสาบเป็นๆ เข้าปากโชว์ผู้สื่อข่าว ระบุว่า สาเหตุที่กินแมลงสาบเพราะเคยชงกาแฟและวางทิ้งไว้ในบ้าน ปรากฏว่ามีแมลงสาบ 10 กว่าตัวลงไปในแก้วกาแฟ ด้วยความเสียดายกาแฟ เนื่องจากมีฐานะยากจน จึงดื่มกาแฟไปพร้อมกับแมลงสาบ บอกอีกว่า เคยกินแมลงสาบมาหลายครั้ง พร้อมยืนยันว่าการกินแมลงสาบไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
ทางด้านกรมอนามัยได้ออกมาเผยแพร่ข้อมูลทันทีว่า อย่าทำตามเป็นอันขาด เพราะในตัวของแมลงสาบนั้นมีเชื้อโรคหลายชนิดแฝงตัวอยู่ เช่น มีเชื้อแบคทีเรียทำให้เกิดกาฬโรค โรคบิด โรคท้องเสีย โรคติดเชื้อของช่องขับถ่าย โรคฝีและผิวหนังพุพอง โรคในระบบทางเดินอาหาร โรคอาหารเป็นพิษ และโรคไทฟอยด์
นอกจากนี้ แมลงสาบยังเป็นรังสะสมโรค เช่น พยาธิปากขอ พยาธิไส้เดือนกลม พยาธิตืดแคระ พยาธิตืดวัว พยาธิใบไม้โลหิต และอีกมากมาย พยาธิสามารถอาศัยอยู่ในตัวแมลงสาบได้ประมาณ 12 ชนิด สามารถออกมาผ่านทางมูลของแมลงสาบได้
อีกทั้งยังมีเชื้อไวรัส เป็นเชื้อสาเหตุของโรคตับอักเสบ มีเชื้อโปรโตซัว เป็นสาเหตุให้เกิดความพิการของทารกในครรภ์และเป็นสาเหตุของโรคท้องเสียหรือโรคบิด มีเชื้อรา 2 ชนิดที่เป็นสาเหตุของโรคระบบทางเดินหายใจคือ Aspergillus fumigatus และโรคผิวหนังคือ Aspergillus niger
กรมอนามัยแนะนำว่าควรกำจัดแมลงสาบเพื่อสุขอนามัยที่ดีของคนในครอบครัว เมื่อพบไข่แมลงสาบให้รีบทำลายโดยนำไปเผาทิ้ง
ขณะเดียวกัน ดร.เบญจคุณ แสงทองพราว ภาควิชากีฏวิทยา คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ให้ความรู้เพิ่มเติมว่า ปกติแมลงสาบจะเป็นแมลงกินแป้ง ถ้ามีอาหารหรือขยะเป็นแป้ง คาร์โบไฮเดรตเป็นอาหารของแมลงสาบ แมลงสาบก็จะมา และแมลงสาบจะไม่อยู่ในที่โล่งแจ้ง แต่ชอบอยู่ตามซอกมุม หลังตู้ ชื้น มืด ตามท่อระบายเป็นระบบปิด ในที่โล่งแจ้งเราจึงมักจะไม่ค่อยเจอ แต่ถ้าเจอจะเป็นช่วงที่ออกมาหากิน
เมื่อถามถึงอันตรายจากการกินแมลงสาบ ดร.เบญจคุณยืนยันทันทีว่า ไม่ควรกิน พร้อมอธิบายต่อว่าเนื่องจากแมลงสาบกินอาหารตามกองขยะ ตามท่อที่มีเศษซากอาหารสะสม ฉะนั้น อาหารพวกนี้จะมีเชื้อโรคปะปนอยู่ แมลงสาบก็จะรับเชื้อโรคเข้าไป ถ้าคนกินก็มีโอกาสรับเชื้อโรคพวกนี้เข้าไปได้
นักกีฏวิทยายังบอกอีกว่า โดยทั่วไปอันตรายจากแมลงสาบมี 2 กรณี
1.เข้ามาคลานตามภาชนะและอาหารที่วางไว้บนโต๊ะ แมลงสาบเป็นพาหะนำเชื้อโรค จะมีอยู่ตามขาตามลำตัว เมื่อคลานบนอาหารก็ทำให้คนรับเอาเชื้อโรคเหล่านี้เข้าไปได้
2.แมลงสาบจะมีกลิ่นเฉพาะตัวอาจทำให้คนเป็นภูมิแพ้เกิดอาการแพ้ได้ง่าย หรือมูลแมลงสาบเป็นเศษผง อาจทำให้บางคนแพ้ได้
วิธีกำจัด อันดับแรกต้องกำจัดแหล่งอาหาร เศษซากอาหารต่างๆ ที่เรากินทิ้งไว้ต้องกำจัดให้ดี เช่น ขยะตามถังขยะควรกำจัดอย่างสม่ำเสมอไม่ควรกองทิ้งไว้ ส่วนในบ้านเรือนประตูหน้าต่างควรปิดช่องให้มิดชิด ไม่ให้แมลงสาบเข้ามาในบ้านเรือนได้ง่าย ส่วนท่อระบายน้ำ ท่อน้ำทิ้งและท่อดักไขมันต่างๆ ต้องทำความสะอาด เพราะจะเป็นที่ซึ่งมีแมลงสาบอยู่เยอะ พยายามหาตะแกรงกั้นไม่ให้แมลงสาบเข้ามาจากท่อได้
“อีกวิธีหนึ่งคือการใช้สารเคมีหรือกับดักก็สามารถทำได้ เช่น กับดักกาวเหนียวมีขายตามท้องตลาด หรือเจลกำจัดแมลงสาบ จะมีอาหารแมลงสาบและสารเคมีฆ่าแมลงผสมอยู่ในเจล แมลงสาบกินเข้าไปก็จะตาย แต่ต้องกำจัดต้นตอคือเศษอาหารที่จะเป็นอาหารของแมลงสาบได้” ดร.เบญจคุณกล่าว