เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน นายดวงฤทธิ์ บุนนาค สถาปนิกชื่อดังได้แสดงความคิดเห็นผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวเกี่ยวกับประเด็นการพัฒนาที่ดินย่านมักกะสันของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ซึ่งล่าสุดมีการเปิดเผยว่าจะแบ่งย่อยเป็น 4 แปลง อยู่ระหว่างการจัดตั้งบริษัทลูกขึ้นมาบริหารทรัพย์สิน คาดว่าในปี 2561 จะสามารถเปิดประมูลพื้นที่ในเชิงพาณิชย์ได้ 2 แปลง
นายดวงฤทธิ์ระบุว่า ตนขออนุญาตเตือน รฟท.ว่าอย่าแบ่งแปลงที่ดินเพื่อเอื้อนายทุน เพราะเป็นทิศทางที่ผิดพลาด ทำให้ประเทศเสียโอกาส ข้อความมีดังนี้
“ในฐานะที่จับตาดูการพัฒนาที่ดินมักกะสันมาเป็นสิบปี ขออนุญาตเตือน รฟท.ว่าอย่าแบ่งแปลงที่ดินพัฒนาเพื่อเอื้อนายทุนในประเทศเลย จะเสียโอกาสและไปผิดทาง
จากการที่ รฟท.จ้างทาง NIDA ศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการนั้น ทางผู้รับจ้างไม่มีความรู้ความสามารถทางธุรกิจข้ามชาติเลย การแบ่งแปลงย่อย นอกจากจะไม่เกิดประโยชน์ที่คุ้มค่ากับ รฟท.แล้ว ยังเสียโอกาสที่จะใช้โครงการมักกะสันเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศด้วย
การแบ่งแปลงย่อยจะเอื้อโอกาสให้กับนักลงทุนในประเทศแต่เพียงอย่างเดียว แต่ตัดโอกาสของการลงทุนจากต่างประเทศนับแสนล้านบาท เสียโอกาสที่จะพัฒนาที่ดินให้มีสวนสาธารณะ พิพิธภัณฑ์ แบบที่คนกรุงเทพฯอยากเห็น การจ้างที่ปรึกษาที่ไม่มีความสามารถ ไม่มีวิสัยทัศน์ ความรู้ที่มากพอ และเอื้อประโยชน์ให้กับนักลงทุนแต่เพียงอย่างเดียว โดยไม่คำนึงถึงประโยชน์ของประเทศโดยรวม เป็นเรื่องน่าเสียดายมาก และขอบอกเลยว่าโครงการกำลังจะไปผิดทาง
ในขณะที่บริษัทใหญ่ๆ ในโลกหลายบริษัทกำลังจ่อสนใจจะเข้ามาประมูลพัฒนาที่ดิน 400 ไร่ และนำเงินลงทุนเป็นรายได้เข้าประเทศเป็นแสนล้าน ทางที่ปรึกษาก็กังวลแค่ว่านายทุนในประเทศจะประมูลแข่งไม่ได้ เลยตัดแปลงย่อย 137 ไร่ ตรงที่มีศักยภาพที่สุดออกประมูลก่อน เท่ากับตัดชิ้นปลามันไปขายเสียแล้ว ที่เหลืออีก 300 กว่าไร่ใครจะมาสนใจพัฒนาเป็นสวนสาธารณะล่ะครับ บริษัทที่ปรึกษาที่ทำแผนให้ก็ไม่ได้ทำแผนให้สอดคล้องกับมาตรการทางผังเมืองที่จะออกมาใหม่ในปีหน้าเลยแม้แต่น้อย เสียดายเงินค่าจ้างนัก
รฟท.ต้องคิดให้ดีครับ อย่าเอาเงินหมื่นไปแลกเงินแสน อย่าปล่อยให้โอกาสดีๆ ของเมืองและประเทศต้องเสียไป เพราะว่าจ้างที่ปรึกษาที่ไม่มีพื้นฐานความรู้ด้านการวางผังแม่บทขนาดใหญ่เลยครับ เสียดายของจริงๆ”
