เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่ว่า สำหรับสถานการณ์ภาพรวมในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พบว่ามีรายงานผู้ป่วยลดลง แต่ด้วยสภาพอากาศหนาว ณ ขณะนี้ ทำให้หลายประเทศยังคงมีรายงานผู้ป่วยเพิ่มขึ้น ส่วนประเทศไทย ข้อมูลจากสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม จนล่าสุดวันที่ 13 พฤศจิกายน 2560 พบผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่แล้ว 175,777 ราย เสียชีวิต 50 ราย พบมากในกลุ่มเด็กอายุ 15-24 ปี โดยพบมากที่สุดในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ
นพ.สุวรรณชัยกล่าวว่า หากเทียบกับตัวเลขปัจจุบันถือว่า ผู้ป่วยเริ่มลดลงจากช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากช่วงก่อนหน้านี้จะมีการรวมตัวกันมาก ทั้งเทศกาลลอยกระทง ออกพรรษา รวมทั้งสภาพอากาศจากช่วงปลายฝนทำให้พบโรคเป็นกลุ่มก้อน แต่แม้ขณะนี้ตัวเลขผู้ป่วยจะไม่เพิ่มขึ้น แต่ก็ต้องระวัง เพราะกำลังเข้าสู่ช่วงฤดูหนาว จะทำให้แนวโน้มเพิ่มขึ้นได้อีก ซึ่งปกติประเทศไทยจะมีการระบาดของไข้หวัดใหญ่ 2 ระลอก คือ ฤดูฝนและฤดูหนาว ดังนั้น เมื่อเข้าสู่ช่วงฤดูหนาว ย่อมทำให้แนวโน้มผู้ป่วยสูงขึ้น อย่างปี 2559 พบผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ช่วงหน้าหนาว 50,000 คน ซึ่งปีนี้คาดว่าจะมากขึ้น
อธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าวว่า สิ่งสำคัญคือ การอยู่กันเป็นกลุ่ม หรือการไปท่องเที่ยวหน้าหนาวที่มีคนจำนวนมาก เราต้องดูแลสุขภาพให้ดีด้วย หรือหากใครเริ่มป่วยก็ต้องมีความรับผิดชอบสวมใส่หน้ากากอนามัย อย่างไรก็ตาม สำหรับสถานที่ที่พบการเกิดโรคมาก จากรายงานของสำนักโรคติดต่ออุบัติใหม่ พบว่าสถานที่ที่พบมากที่สุด 3 อันดับแรก คือ โรงเรียน พบโรคประมาณ 21 ครั้ง 2 เรือนจำ พบโรค 20 ครั้ง และ 3.ค่ายทหาร พบโรคประมาณ 11 ครั้ง ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีการรวมตัวของคนหมู่มาก ประกอบกับการเข้าสู่ฤดูของการระบาดรอบที่สองของปี คือช่วงฤดูหนาวที่ไทยกำลังประสบอยู่ สถานที่ดังกล่าวก็ยังคงมีรายงานอยู่ แต่ทั้งหมดได้มีการเข้าไปตรวจเฝ้าระวัง ควบคุมโรคได้แล้ว จึงไม่ต้องกังวล ขอเพียงให้ทุกคนดูแลสุขภาพตัวเอง และครอบครัว รักษาสุขอนามัย รวมทั้งเจ้าของพื้นที่สาธารณะ หรือสถานที่ต่างๆ หากมีการเฝ้าระวังโรค มีสุขอนามัยที่ดีในพื้นที่ รักษาความสะอาดอย่างสม่ำเสมอก็จะช่วยให้ลดการเกิดโรคได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า นอกจากพบโรคมากขึ้น โรคมีความรุนแรงเพิ่มขึ้นหรือไม่ นพ.สุวรรณชัยกล่าวว่า ไม่พบ พบเพียงว่าเดิมจะพบป่วยด้วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A ก็จะพบสายพันธุ์ B เพิ่มขึ้น แต่ไม่ได้มีนัยยะว่าความรุนแรงเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด อีกทั้ง การรณรงค์ให้ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ก็จะช่วยลดความรุนแรงของโรคได้ แม้จะไม่สามารถป้องกันได้เต็ม 100 เปอร์เซ็นต์
