ไม่จบ! “เซปิง”ร้องแพทยสภา จี้เอาผิด”หมอชลธิศ” ผ่าตัดไม่ใช้แพทย์

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 17 มีนาคม  ที่แพทยสภา น.ส.เซปิง ไชยศาส์น  ที่ปรึกษาด้านความงาม และ ประธานโครงการเฟซออฟ พร้อม นายจำนงค์  ไชยมงคล ทนายความ เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อแพทยสภา เกี่ยวกับ นพ.ชลธิศ สินรัชตานันท์  นายกสมาคมศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าแห่งประเทศไทย กรณีมีผู้ร้องเรียนการผ่าตัดศัลยกรรม โดยมี นพ.สัมพันธ์ คมฤทธิ์ เลขาธิการแพทยสภา เป็นผู้มารับเรื่องดังกล่าว

น.ส.เซปิงกล่าวว่า ได้หอบเอกสารหลักฐานต่างๆ มาเพื่อร้องต่อแพทยสภาในการดำเนินการพิจารณา คือ 1.ขอให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดและสถานพยาบาลที่กระทำผิด คือ  คลินิกของ นพ.ชลธิศ สินรัชตานันท์ และบุคคลที่เกี่ยวข้องอื่นๆ สืบเนื่องจากมีการทำศัลยกรรมโดยไม่ใช่แพทย์หรือผู้มีใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม โดยได้รวบรวมหลักฐาน เป็นคลิปบันทึกภาพจำนวน 6 แผ่น พร้อมภาพถ่ายการทำศัลยกรรมของ 6 คน ซึ่งภาพเหล่านั้นแสดงให้เห็นว่า ผู้ทำการผ่าตัดไม่ใช่ นพ.ชลธิศ โดยมาทราบภายหลังว่า ผู้ที่ทำการผ่าตัดไม่ใช่แพทย์และ 2.ยื่นขอให้กรรมการแพทยสภา พิจารณา นพ.สัมพันธ์ คมฤทธิ์ เลขาธิการแพทยสภา และ รศ.นพ.ภาคภูมิ สุปิยพันธ์ เหรัญญิกแพทยสภา ซึ่ง นพ.สัมพันธ์ เป็นอุปนายกสมาคมศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าแห่งประเทศไทย ส่วน รศ.นพ.ภาคภูมิ มีตำแหน่งในสมาคมเช่นกัน โดยสมาคมนี้มี นพ.ชลธิศ เป็นนายกสมาคมฯ จึงเกรงว่าไม่เหมาะสม หากจะให้ทั้งคู่มาเป็นกรรมการหรืออนุกรรมการพิจารณาโทษ

“สำหรับกรณีการผ่าตัดศัลยกรรมที่ไม่ใช่แพทย์นั้น จากการตรวจสอบพบว่า ในคลินิกมี  2 คนที่ปรากฏในภาพหลักฐานนั้น ไม่ใช่แพทย์ โดยทราบว่าเป็นเด็กในคลินิก ส่วนอีกคนเป็นบุรุษพยาบาล เมื่อทราบก็ตกใจและจึงต้องแจ้งเรื่องนี้ให้สาธารณชนทราบ เพราะก่อนหน้านี้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) เคยบอกว่า หากไม่ใช่แพทย์ถือว่าผิด ไม่สามารถทำการรักษา ผ่าตัดได้” น.ส.เซปิงกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า เพราะอะไรจึงมาเปิดเผยเรื่องตอนนี้ เนื่องจากสังคมอาจสงสัยว่าเป็นความขัดแย้งกันเองหรือไม่ น.ส.เซปิงกล่าวว่า เป็นธรรมดาที่สังคมจะเข้าใจไปต่างๆ แต่ตนทราบดีว่าอะไรถูกต้อง ซึ่งเดิมทีตนเคยทำงานประชาสัมพันธ์ให้คลินิกของ นพ.ชลธิศ ขณะนั้นถ่ายภาพมาก็ตกใจ แต่ก็เชื่อใจ และทุกคนก็เรียกคนที่ผ่าตัดว่า หมอ  แต่เมื่อมาทราบภายหลังจึงต้องออกมาพูด เพื่อประโยชน์ของประชาชน

Advertisement

ด้าน นพ.สัมพันธ์ กล่าวว่า ถึงแม้จะมีการร้องที่เกี่ยวกับตน แต่ก็ไม่มีปัญหา เป็นสิทธิที่สามารถร้องได้ ส่วนเรื่องกรณี นพ.ชลธิศ นั้น ถือเป็นการยื่นเรื่องกล่าวโทษ โดยจะนำข้อมูลต่างๆ ที่ทาง ดร.เซปิง ส่งมาเข้าสู่การพิจารณาตามขั้นตอนของคณะกรรมการ (บอร์ด) แพทยสภา เข้าสู่อนุกรรมการจริยธรรมของแพทยสภา เพื่อให้เรียกผู้เกี่ยวข้องมาสอบถามก่อน เมื่อได้ข้อสรุปอย่างไรก็จะเสนอต่อบอร์ดแพทยสภาอีกครั้ง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image