เมื่อวันที่ 24 มีนาคม พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) นำคณะผู้บริหาร พม.ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าการรื้อย้ายบ้านเรือนประชาชนตามโครงการบริหารจัดการสิ่งก่อสร้างรุกล้ำลำน้ำสาธารณะและการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลอง บริเวณชุมชนบางบัวร่วมใจพัฒนา (เชิงสะพานไม้ 2) เขตหลักสี่ และบริเวณชุมชนศาลเจ้าพ่อสมบุญ 54 เขตสายไหม กรุงเทพฯ
พล.ต.อ.อดุลย์กล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายจัดระเบียบและแก้ไขปัญหาชุมชนที่บุกรุกลำคลองและทางระบายน้ำ เพื่อให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัยที่ถูกต้องตามกฎหมาย และพัฒนาที่อยู่อาศัยริมคลองให้ประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น พม.โดยสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) (พอช.) จึงได้จัดทำโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลอง ซึ่งจะดำเนินการนำร่องในคลองลาดพร้าวระยะเวลา 3 ปี (2559-2561) ในเป้าหมาย 74 ชุมชน 11,004 ครัวเรือน ประชากรผู้รับผลประโยชน์ 64,868 คน ใช้งบประมาณ 4 พันกว่าล้านบาท โดยในปี 2559 จะพัฒนาคลองลาดพร้าวนำร่อง จำนวน 17 ชุมชน 2,344 ครัวเรือน โดยได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลอง (ทชค.) เพื่อลงพื้นที่ชี้แจงทำความเข้าใจและสำรวจข้อมูลประชาชนผู้ได้รับผลกระทบ และจัดตั้งกลุ่มออมทรัพย์สหกรณ์และดำเนินโครงการบ้านมั่นคงต่อไป
พล.ต.อ.อดุลย์กล่าวอีกว่า สำหรับการจัดสร้างที่อยู่อาศัยรองรับชุมชนที่บุกรุก เพื่อดำเนินโครงการบ้านมั่นคงนั้น จะใช้พื้นที่ที่ใกล้เคียงกับแนวที่อยู่อาศัยเดิมซึ่งเป็นที่กรมธนารักษ์ หรือกรณีไม่ประสงค์อยู่ที่เดิมจะมีที่อื่นบริการให้ เช่น พื้นที่เอกชน พื้นที่บรรษัทบริหารสินทรัพย์ ตามความต้องการผู้อยู่อาศัย ทั้งนี้ ล่าสุดมี 4 ชุมชนเข้าร่วมโครงการแล้ว ได้แก่ ชุมชนศาลเจ้าพ่อสมบุญ 54 ชุมชนเพิ่มสินร่วมใจ ชุมชนหลังกรมวิทยาศาสตร์ และชุมชนวังหิน ที่ผ่านมาได้รับสัญญาเช่าที่ดินจากกรมธนารักษ์แล้ว ขณะนี้เริ่มรื้อย้ายในส่วนชุมชนศาลเจ้าพ่อสมบุญ 54 คาดว่าแล้วเสร็จภายในเดือนเมษายน และจะดำเนินการยกเสาเอกชุมชนนำร่องในคลองลาดพร้าว ที่ชุมชนศาลเจ้าพ่อสมบุญ 54 จำนวน 65 ครัวเรือน ในวันที่ 7 เมษายนต่อไป อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่รื้อย้ายบ้านเรือนประชาชน เพื่อดำเนินโครงการบ้านมั่นคง ทาง พอช.ได้จัดเตรียมบ้านพักชั่วคราวและบ้านเช่าตามความต้องการของประชาชนที่ได้รับผลกระทบ โดยได้สนับสนุนเงินค่าเช่าบ้านให้ 18,000 บาทต่อครัวเรือน เป็นระยะเวลา 6 เดือน ก่อนย้ายเข้าบ้านหลังใหม่ของโครงการบ้านมั่นคง
นายสยาม นนท์คำจันทร์ ผู้อำนวยการศูนย์ ทชค.กล่าวว่า สำหรับบ้านในโครงการบ้านมั่นคงนั้น เรามีแบบให้เลือก 2 แบบ พร้อมราคาดังนี้ บ้านแฝด ราคาหลังละ 256,000 บาท บ้านเรียงแถว 10 หลัง หลังละ 200,000 บาท โดยให้ผู้อยู่อาศัยยื่นกู้กับกองทุน พอช. ดอกเบี้ยร้อยละ 4 ต่อปี ผ่อนระยะยาว 15 ปี เฉลี่ย 1,800-2,200 บาทต่อเดือน ขณะเดียวกัน จะต้องจ่ายค่าเช่าที่ดินให้กรมธนารักษ์ทุกปี เฉลี่ย 540 บาทต่อปีด้วย
