นายศักดิ์สิทธิ์ ซิ้มเจริญ หัวหน้ากลุ่มงานวิชาการสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า ผู้เชี่ยวชาญเรื่องเสือ กรมอุทยานแห่งชาติ กล่าวว่า เห็นข่าวเรื่องการล่าเสือดำแล้ว รู้สึกเศร้าใจมาก เสือดำที่มีอยู่ในป่าจำนวนน้อยอยู่แล้ว ไม่น่าจะต้องมาตายเพราะการถูกล่าเลย เป็นความสูญเสีย ที่ไม่ควรจะสูญเสีย เสือดำกับเสือดาวเป็นสัตว์ชนิดเดียวกัน โดยทั้งเสือดำและเสือดาวนั้นจะทำหน้าที่ร่วมกับเสือโคร่งในป่า เสือโคร่งกินสัตว์กินพืชขนาดใหญ่เป็นอาหาร ส่วนเสือดำหรือเสือดาวนั้นกินสัตว์กินพืชที่เล็กลงมา
“ในภาพรวมในป่าประเทศไทยนั้น เสือดำหรือเสือดาวมีประชาน้อยมาก แต่ก็ยังมีมากกว่าประชากรของเสือโคร่งเล็กน้อย สำหรับเสือดำตัวที่ถูกล่าจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรนั้น สังเกตจากรูปเป็นเสือตัวเล็ก มีฟันที่ขาวมากสันนิษฐานเบื้องต้นว่าน่าจะเป็นลูกเสือที่อายุไม่มากนัก แต่ไม่ว่าจะเป็นลูกเสือ หรือเสือที่มีคู่แล้ว ก็ไม่สมควรจะมาถูกฆ่าตายเช่นนี้ เสือดาวหรือเสือดำนั้น ถือว่าเป็นสัตว์ที่สำคัญในฐานะเชิงสัญลักษณ์ของป่า ป่าไหนที่มีความสมบูรณ์มากก็จะมีเสือโคร่ง ทั้งนี้เสือโคร่งและเสือดาวหรือเสือดำ สามารถอยู่ร่วมป่าเดียวกันได้ แต่ก็ต้องหลีกเลี่ยงไม่ให้เจอกัน ทั้งนี้เสือดาวหรือเสือดำเมื่อผสมพันธุ์และมีลูก จะเลี้ยงลูกจนถึงอายุ 2 ปีครึ่ง ถึง 3 ปี จากนั้นลูกก็จะแยกตัวไปหาพื้นที่ และหากินเอง เสือดาวหรือเสือดำตัวผู้ โตเต็มที่นำหนักประมาณ 50 กิโลกรัม ตัวเมีย 30 กิโลกรัม ขณะที่เสือโคร่งตัวเมียโตเต็มที่จะหนัก 100-120 กิโลกรัม ส่วนตัวผู้ 150-180 กิโลกรัม”นายศักดิ์สิทธิ์ กล่าว
