เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) พร้อมพวกเข้าไปล่าสัตว์ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ว่า ขณะนี้ทั้งกรมป่าไม้และกรมอุทยานฯ พยายามที่จะทำงานรวบรวมหลักฐานเพื่อเอาผิด กับนายเปรมชัยให้ได้ แต่ยอมรับว่าบางครั้งข้อมูลต่างๆ เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน บางเรื่องก็ยังไม่ควรเปิดเผยออกสู่สาธารณะ เพราะเวลานี้ฝั่งตรงกันข้ามก็พยายามที่จะหาข้อมูลมาหักล้างเช่นเดียวกัน หากรู้ว่าเรามีหลักฐานเด็ดอะไรในมือ อีกฝ่ายอาจจะสบายเพราะสามารถเตรียมข้อแก้ต่างเอาไว้ได้ ทั้งนี้หลักการพิจารณาความผิด กระทรวงมีหน้าที่หาข้อมูลเพื่อเอาผิดให้มากที่สุด แต่ในที่สุดแล้วก็อยู่ที่ผู้ฟ้องร้อง และการตัดสินของกระบวนการยุติธรรม
“ไม่ต้องกลัวหรือไปกังวล หรือคิดไปเองล่วงหน้าว่าในที่สุดแล้วเขาจะรอด สิ่งที่โพลได้มีการสำรวจความเห็น ก็ไม่รู้ว่าคำถามของโพลถามว่าอย่างไร แต่ในส่วนการทำงานของกรมป่าไม้ กรมอุทยานฯ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกคนทุ่มเทเต็มที่นอกจากนี้เราก็มีที่ปรึกษา ผู้เชี่ยวชาญทางด้านนิติวิทยาศาสตร์ คอยให้คำปรึกษา เพื่อทำให้หลักฐานของเรามีความแน่นหนา รวมทั้งทีมงานสนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่” พล.อ.สุรศักดิ์กล่าว
เมื่อถามว่าในอนาคตจะมีการตั้งกฎเกณฑ์ในการเข้าพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าให้เข้มงวดขึ้นหรือไม่ พล.อ.สุรศักดิ์กล่าวว่า ความจริงแล้วทุกที่ก็มีความเข้มงวดอยู่แล้ว โดยเฉพาะเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่ฯ ที่กำหนดให้รถเข้าครั้งละไม่เกิน 15 คัน หากชุดที่เข้าไปแล้วยังไม่ออกมา ชุดใหม่ก็ไม่สามารถเข้าไปได้ รวมทั้งต้องมีการลงชื่อเป็นหลักฐานในการเข้า-ออกเอาไว้ ซึ่งเรื่องนี้เป็นกฎเกณฑ์ที่มีมานานแล้ว จะให้ทำมากกว่านี้ก็คงไม่ได้ เพราะเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าและเป็นสถานที่ที่คนต้องการเข้าไปศึกษาธรรมชาติ ซึ่งมีคนเข้าไปศึกษาธรรมชาติมากกว่าคนที่ต้องการเข้าไปล่าสัตว์ ส่วนการตรวจสอบย้อนหลังว่านายเปรมชัยเคยเข้าไปในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ที่ไหนบ้างนั้น กรมอุทยานฯ กำลังดำเนินการ แต่ก็เป็นเรื่องที่ตรวจสอบได้ยาก
นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวว่า กรมอุทยานฯ ได้รวบรวมข้อมูลบัญชีพรานป่าทั่วประเทศ เบื้องต้นได้ข้อมูลมาแล้วในส่วนพื้นที่อุทยานฯ น้ำหนาว เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว เป็นต้น พร้อมประสานกระทรวงมหาดไทยเพื่อขอบัญชีรายชื่อผู้ครอบครองปืนที่อาจเกี่ยวข้องกับการนำไปใช้ล่าสัตว์ป่าเพื่อลดความเสี่ยง ทั้งนี้ไม่ได้หมายว่าความคนที่มีปืนดังกล่าวจะมีความผิดทุกราย เพราะบางรายก็ครอบครองเอาไว้อย่างถูกต้องเพื่อการกีฬาและของสะสม ส่วนจะมีขึ้นบัญชีดำไม่ให้นายเปรมชัยเข้าพื้นที่ป่าอนุรักษ์หรือไม่ นายธัญญากล่าวว่า ทุกวันนี้ก็เหมือนกับเป็นการแบล๊กลิสต์อยู่แล้ว เพราะขนาดให้เขามารายงานต่อพนักงานสอบสวนเขาก็ยังไม่มา และคงไม่กล้าเข้าพื้นที่
นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีการตั้งคณะกรรมการทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริง การลักลอบเข้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก จ.กาญจนบุรี ว่า นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ ได้แต่งตั้งให้เป็นประธานคณะกรรมการชุดดังกล่าว เป็นการสอบสวนในระดับกรมมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงใน 4 เรื่อง คือ 1.การดำเนินการขออนุญาตและอนุญาตเป็นไปตามอำนาจที่ได้รับตามคำสั่งกรมอุทยานฯ หรือไม่อย่างไร 2.มีการสั่งการนอกเหนือคำสั่งกรมอุทยานฯ ดังกล่าวจนเป็นเหตุให้เกิดการกระทำผิดในกรณีดังกล่าวหรือไม่ อย่างไร 3.มีเจ้าหน้าที่และ/หรือบุคคลใดแอบอ้างให้กลุ่มผู้กระทำผิดเข้าไปใช้พื้นที่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่ฯ จนเป็นเหตุให้เกิดการกระทำผิดในกรณีดังกล่าวหรือไม่ อย่างไร และ 4.มีเจ้าหน้าที่ละเว้นละเลยต่อการไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามอำนาจหน้าที่และ/หรือเรียกรับผลประโยชน์จากการกระทำดังกล่าวหรือไม่ อย่างไร
นายปิ่นสักก์กล่าวต่อว่า ขณะนี้สอบสวนมาได้ครึ่งทางแล้ว ส่วนผลจะเป็นอย่างไรอยากให้รอผลสรุปทีเดียวเลย โดยภายในสัปดาห์หน้าจะรู้ผลการสอบสวนทั้งหมด จากนั้นตนจะรายงานต่ออธิบดี และคงจะมีแถลงข่าวกับสื่อมวลชน เนื่องจากประเด็นดังกล่าวสังคมให้ความสนใจและติดตามเป็นอย่างมาก
