ความคืบหน้ากรณีการตรวจสอบพบการทุจริตเงินกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ที่มีการโอนเงินเข้าบัญชีส่วนบุคคลของเครือข่ายญาติข้าราชการซี 8 ซึ่งพบว่า ศธ. เตรียมประสานข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ที่ดูแลวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี ซึ่งมีนักเรียนพยาบาลรับทุนดังกล่าวเป็นประจำทุกปีด้วยนั้น
เมื่อวันที่ 15 มีนาคม พญ.พรรณพิมล วิปุลากร รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ขณะนี้ สธ.ได้รวบรวมข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวกับการรับทุนเสมาฯ แล้ว และพร้อมที่จะส่งมอบข้อมูลให้แก่ ศธ.หากมีการประสานเข้ามา ซึ่งจะมีทั้งข้อมูลนักเรียนพยาบาลของวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนีที่ได้รับผลกระทบจากการยังไม่ได้รับทุน และบัญชีการโอนเงินเข้ามายังวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนีแต่ละแห่ง ว่าแต่ละปีมีการโอนเงินเข้ามาอย่างไร เพื่อให้ทาง ศธ.นำไปตรวจสอบว่าตรงกับที่มีการจ่ายออกมาจากกองทุนหรือไม่อย่างไร ทั้งนี้ จากการรวบรวมข้อมูลตั้งแต่ปีการศึกษา 2555-2560 พบว่า มีนักเรียนพยาบาลวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนีที่รับทุนเสมาฯ รวมทั้งหมด 254 ราย จำนวนนี้ยังเป็นนักศึกษาปัจจุบันชั้นปีที่ 1-4 โดยมีผู้ที่ได้รับเงินทุนครบเต็มจำนวนเพียง 56 ราย ค้างการจ่ายทุนทั้งหมด 198 ราย ยังเป็นนักศึกษาที่เรียนอยู่ 161 ราย นักศึกษาที่จบแล้วแต่ยังได้รับทุนไม่ครบอีก 37 ราย โดยเงินทุนที่ค้างจ่ายรวมแล้วประมาณกว่า 5 ล้านบาท ซึ่งการประสานข้อมูลให้แก่ทาง ศธ.ตรวจสอบ ก็หวังว่าจะได้ช่วยติดตามเพื่อให้นักเรียนได้รับทุนให้ครบตามที่ตกลงกันไว้
พญ.พรรณพิมลกล่าวว่า นักเรียนพยาบาลที่รับทุนเสมาฯ แบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ 1.นักเรียนที่รับทุนเสมาฯ มาตั้งแต่ชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ซึ่งมีข้อตกลงว่า เมื่อสอบติดเข้าวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี วิทยาลัยฯ จะต้องรวบรวมรายชื่อนักเรียนส่งให้กับกองทุนฯ ว่ามีจำนวนกี่คน อยู่วิทยาลัยฯ ใด โดยทำความตกลงไว้ที่ปีละ 50 ทุน ซึ่งแต่ละปีจะสอบติดเข้ามาจำนวนที่ไม่เท่ากัน โดยเฉลี่ยก็จะประมาณ 30 กว่าราย 2.กลุ่มนักเรียนพยาบาลจากชายแดนตามโครงการสมเด็จย่า ซึ่ง สธ.ไปทำความตกลงเพิ่มกับกองทุนฯ ให้สนับสนุนเด็กจำนวนปีละ 30 ราย ซึ่ง สธ.จะไปคัดเลือกเด็กเอง และ 3.นักเรียนพยาบาลจากกัมพูชาจำนวนปีละ 5 ราย ซึ่งนักเรียนพยาบาลที่ได้รับทุนไม่ครบมีทั้ง 3 กลุ่ม แต่ส่วนใหญ่มักเป็นเด็กกลุ่มแรก
“เท่าที่สอบถามการโอนเงินทุนเสมาฯ ให้แก่นักเรียนพยาบาลนั้น ตามปกติกองทุนฯ จะต้องโอนเงินมาให้ช่วงต้นปีการศึกษา โดยเด็ก 1 คน จะได้รับทุนประมาณ 40,000 บาทต่อปี ได้รับต่อเนื่อง 4 ปีจนจบการศึกษา โดยจะมีทั้งที่โอนเงินมายังวิทยาลัยฯ เพื่อให้วิทยาลัยจ่ายต่อให้แก่เด็ก และที่จ่ายตรงไปยังเด็กเลย ซึ่งจะพบปัญหาการโอนเงินมาช้าทุกปี ไม่ค่อยสม่ำเสมอ ก็จะมีการทำหนังสือไปยังกองทุนฯ เพื่อทวงถามว่ามีเด็กอยู่กี่คน วิทยาลัยใดบ้าง ที่ยังไม่ได้รับทุน ทางกองทุนฯ ก็จะทยอยโอนเงินทุนมา ซึ่งก็จะมาแบบไม่ครบ ซึ่งทำให้เด็กได้รับทุนไม่พร้อมกัน ก็จะมีการแจ้งกลับไปว่าเด็กคนใดที่ยังไม่ได้รับทุน” พญ.พรรณพิมลกล่าว
