เมื่อวันที่ 23 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีมีการแสดงความห่วงใยกลุ่มเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติในพื้นที่ควบคุมการแพร่ระบาดของโรคพิษสุนัขบ้า ไม่ว่าจะเป็นการจับสัตว์ ฉีดวัคซีน หรือทำหมัน ซึ่งถือว่าเป็นผู้สัมผัสโรคโดยตรงและอาจสุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อนั้น
นสพ.มนตรี วงศ์ศรีสุนทร หัวหน้ากลุ่มควบคุมโรคพิษสุนัขบ้า สำนักงานสัตวแพทย์สาธารณสุข สำนักอนามัย กทม. กล่าวว่า โดยปกติในส่วนของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกคนจะได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าล่วงหน้า แต่หากเจ้าหน้าที่คนใดถูกสัตว์กัด เลีย หรือข่วนร่างกายจะได้รับการฉีดวัคซีนกระตุ้นอีกครั้ง โดยไม่จำเป็นต้องรอพิสูจน์ว่าสัตว์ตัวนั้นจะมีเชื้อพิษสุนัขบ้าอยู่ในตัวหรือไม่ และหากในระหว่างนั้นอีก 3-6 เดือนยังถูกสัตว์กัดอีก ก็ไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีนเพิ่มแต่อย่างใดไปจนกว่าจะครบ 6 เดือน ซึ่งจะดำเนินการไปอย่างนี้ต่อเนื่อง ส่วนกรณีของประชาชนทั้งเจ้าของสัตว์เลี้ยงและผู้ดูแลสัตว์จรจัดในชุมชน หากพบว่ามีการสัมผัสสัตว์ ไม่ว่าจะถูกสัตว์เลีย กัด ข่วน ก็จะให้ไปฉีดวัคซีนเช่นกัน โดยเฉพาะในกลุ่มประชาชนที่ช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงานจะมีการฉีดวัคซีนให้ฟรี เพราะถือว่าเป็นอาสาสมัครทำงานเพื่อชุมชน เพื่อสังคม
“ในการควบคุมโรคพิษสุนัขบ้านั้น เจ้าหน้าที่ไม่สามารถดำเนินการเองทั้งหมด แต่จะต้องอาศัยคนในชุมชนคอยชี้เป้า ยิ่งเป็นสัตว์จรจัด ถ้าไม่คุ้นเคยกัน ไม่มีทางที่เจ้าหน้าที่จะจับตัวมากัก ฉีดวัคซีน ทำหมัน เพื่อควบคุมโรคได้ คนที่ช่วยงานเจ้าหน้าที่คือกลุ่มที่มีความเสี่ยงเช่นกัน และ กทม.ต้องดูแลอย่างดีที่สุด” นสพ.มนตรีกล่าว และว่า ขณะนี้เฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯได้มีการฉีดวัคซีนให้สัตว์จรจัดไปแล้ว 70,000-80,000 ตัว และยังคงเร่งมือทำงานอย่างต่อเนื่องเพื่อควบคุมการระบาดของโรคพิษสุนัขบ้าให้ได้
ด้าน นพ.ชวินทร์ ศิรินาค ผู้อำนวยการสำนักอนามัย กทม.เปิดเผยว่า กทม.มีความห่วงใยในชีวิตและสวัสดิภาพของประชาชน ล่าสุดหลังจากที่ กทม.ตรวจหัวสุนัข และพบว่ามี 6 หัวติดเชื้อพิษสุนัขบ้านั้น ได้มีการแจ้งประสานและติดตามตัวเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน และผู้ดูแลหรือสัมผัสกับสุนัขทั้ง 6 ตัวไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้ารวมทั้งสิ้น 198 คน ถือเป็นตัวเลขที่สูง
