หลังจากมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคตั้งคำถามถึงการทำงานของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) ถึงระบบการตรวจสอบผลิตภัณฑ์ต่างๆ ทั้งเสริมอาหาร เครื่องสำอาง ที่มีตรา ‘อย.’ จะเชื่อได้มากน้อยแค่ไหน เนื่องจากในความเป็นจริง เลขทะเบียนอย.ที่ปรากฎบนผลิตภัณฑ์ จะทราบได้อย่างไรว่าเป็นของจริงหรือของปลอม ประกอบกับระบบการขึ้นทะเบียนก็สุ่มเสี่ยง โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ที่ผู้ผลิตแค่นำเอกสารมายื่นผ่านออนไลน์ ถ้าเอกสารครบก็สามารถได้เลขทะเบียน และทางอย.จะไปสุ่มตรวจภายหลัง ซึ่งหากพบว่าผิดไปจากที่ยื่นขอการรับรองจะถอนทะเบียนทันที แต่นั่นหมายความว่าประชาชนต้องอยู่บนความเสี่ยงไปก่อนหรือไม่นั้น
เมื่อวันที่ 27 เมษายน นพ.วันชัย สัตยาวุฒิพงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวถึงกรณีนี้ว่า เลขทะเบียนอย. จะมีการพิจารณาแยกตามประเภทต่างๆ ซึ่งตรวจสอบได้ ทั้งเว็บไซต์ หรืออย่างในแอบพลิเคชั่นของอย. คือ Oyor smart App.ก็จะเปิดให้ใส่เลขทะเบียน เพื่อตรวจสอบได้ว่า เป็นผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการขึ้นทะเบียนจาก อย.หรือไม่ ซึ่งอย.ไม่เคยนิ่งนอนใจเลย ส่วนที่มีข้อเสนอเกี่ยวกับระบบการให้การรับรองผลิตภัณฑ์ของอย.นั้น ก็ต้องพิจารณาดีๆ เพราะจริงๆแล้ว ตนมองว่าที่มีการกระทำผิดนั้นเป็นส่วนน้อย ไม่ถึง 1 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้น หากออกมาตรการที่เข้มงวดไปจะส่งผลต่อผู้ผลิตที่ดีๆที่มีกว่า 99 เปอร์เซ็นต์ จึงต้องหาจุดร่วมกันเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับภาพรวมที่ปฏิบัติดีอยู่แล้ว
“แน่นอนว่าเราไม่นิ่งเฉย เพราะปัจจุบันการรีวิวโฆษณาต่างๆมีจำนวนมาก เราก็ต้องมีมาตรการ และหาทางออกว่า จะทำอย่างไรกับการขึ้นทะเบียนขอรับรองเลข อย. ไม่เป็นอุปสรรค และการรีวิวจะมีขอบเขตอย่างไร ซึ่งผมจะหารือร่วมกับภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งในส่วนสมาคมผู้ผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง เพื่อหาทางออกร่วมกัน โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุป และจะแถลงข่าวความชัดเจนเรื่องนี้ในวันจันทร์ที่ 30 เมษายนนี้แน่นอน ซึ่งเราจะมีการปรับระบบให้ดียิ่งขึ้น” นพ.วันชัย กล่าว
