ศาลฎีกาสั่ง ‘เหมืองคลิตี้’ จ่ายกรมควบคุมมลพิษ 6.8 ล้านบาท

จากกรณีที่โรงแต่งแร่ของบริษัท ตะกั่วคอนเซนเตรทส์ (ประเทศไทย) จำกัด ปล่อยของเสียจากการแต่งแร่ลงสู่ลำห้วยคลิตี้ ซึ่งเป็นพื้นที่ติดเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร จนทำให้น้ำในลำห้วยคลิตี้เสียหาย ไม่สามารถใช้ได้ และชาวไทยเชื้อสายกะเหรี่ยงบ้านคลิตี้ล่าง อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี เจ็บป่วยล้มตาย เป็นข่าวมาตั้งแต่ปี 2541 ต่อมาชาวบ้านคลิตี้ล่างได้ยื่นฟ้องกรมควบคุมมลพิษต่อศาลปกครองกลาง ให้เร่งดำเนินการฟื้นฟูลำห้วยคลิตี้ จ่ายค่าเสียหายให้ชาวบ้าน และดำเนินการเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้ก่อมลพิษ

นายสุรพงษ์ กองจันทึก ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษากะเหรี่ยงและพัฒนา เปิดเผยว่า กรมควบคุมมลพิษได้ยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมจากผู้ก่อให้เกิดมลพิษต่อศาลยุติธรรมเป็นคดีแพ่ง โดยเรียกร้องค่าเสียโอกาสในการใช้น้ำในลำห้วยของชาวบ้านเป็นเงิน 125,427 บาท ค่าปลาที่ชาวบ้านต้องซื้อจากแหล่งอื่นมาบริโภคแทนปลาในลำห้วยที่ไม่สามารถบริโภคได้เป็นเงิน 6,643,092 บาท และค่าดำเนินการของกรมควบคุมมลพิษตั้งแต่ปี 2541 เป็นเงิน 1,341,962.54 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 8,110,481.54 บาท เมื่อไม่นานมานี้ ศาลฎีกาแผนกคดีสิ่งแวดล้อม ได้มีคำพิพากษาให้บริษัท ตะกั่วคอนเซนเตรทส์ (ประเทศไทย) จำกัด และกรรมการบริษัททุกคน รวมทั้งผู้จัดการมรดกของกรรมการที่เสียชีวิตไปแล้ว ร่วมชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงินทั้งสิ้น 6,841,962.54 บาท แก่กรมควบคุมมลพิษ

ทั้งนี้ ศาลปกครองสูงสุดได้สั่งให้กรมควบคุมมลพิษเร่งฟื้นฟูลำห้วยคลิตี้ ตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม 2556 จนวันที่ 1 พฤศจิกายน 2560 กรมควบคุมมลพิษได้ว่าจ้างบริษัท เบตเตอร์เวิลด์กรีน จำกัด (มหาชน) ดำเนินการฟื้นฟู มีกำหนด 1,000 วัน งบประมาณ 454 ล้านบาท ซึ่งค่าใช้จ่ายในการขจัดมลพิษและฟื้นฟูสภาพแวดล้อมจำนวน 454 ล้านบาทนี้ กรมควบคุมมลพิษต้องเรียกจากผู้ก่อให้เกิดมลพิษ หากไม่จ่ายต้องฟ้องร้องต่อศาลยุติธรรมต่อไป นอกจากนี้ความเสียหายแก่ทรัพยากรธรรมชาติคือลำห้วยคลิตี้เสียหายตลอดสาย ซึ่งเป็นความเสียหายมหาศาล เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.2535 และกฎหมายอื่นๆ กรมควบคุมมลพิษ กรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ต้องเรียกร้องค่าเสียหายและดำเนินคดีต่อผู้ก่อให้เกิดความเสียหายด้วย เนื่องจากความเสียหายเกิดในพื้นที่เขตป่าสงวนและเขตอุทยานแห่งชาติ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image