อธิบดีทช.เดือด จับฉลามวาฬท้องแก่ ผูกเสากระโดงลูกทะลัก สั่งล่าคนขับเรือ ธรณ์น้ำตาซึม ขอให้เป็นตัวสุดท้ายที่ถูกทำแบบนี้ (คลิป)

ภาพจากคุณ dusadee chuaychian

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผศ.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้แชร์โพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัว Thon Thamrongnawasawat ซึ่งเป็นรูปเรือประมงขนาดใหญ่ลำหนึ่ง ได้ลักลอบนำฉลามวาฬ ซึ่งมีขนาดใหญ่น้ำหนักไม่ต่ำกว่า 7 ตัน ขึ้นมาไว้บนเรือ โดยใช้เชือกผูกหางแล้วโยงขึ้นไปบนกระโดงเรือ ซึ่งการกระทำดังกล่าว เป็นการกระทำที่เย้ยกฎหมายอย่างเห็นได้ชัด

โดย ผศ.ธรณ์กล่าวว่า ฉลามวาฬเป็นสัตว์คุ้มครองตามกฎหมาย (ประเภทปลา ลำดับที่ 6) ตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า และยังเป็นสัตว์ห้ามทำการประมง ตามประกาศห้ามทำการประมง (พ.ศ.2559) ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตาม พ.ร.บ.ประมง (มาตรา 66) โดยในประกาศกระทรวง ครอบคลุมทั้งห้ามจับหรือนำขึ้นเรือประมง ซึ่งจะมีโทษปรับตั้งแต่ 3 แสน – 3 ล้านบาท ดังนั้น ขอย้ำว่า ห้ามนำขึ้นเรือ ซึ่งระบุชัดเจนในกฎหมาย ทั้งนี้ ที่ผ่านมายังไม่เคยเห็นใครกล้าทำอุกอาจเช่นนี้มาก่อน

เมื่อผู้สื่อข่าวได้สอบถามเพิ่มเติมไปยังกลุ่มจิตอาสา Go-Eco Phuket ทราบว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 15.00 น. วันที่ 18 พฤษภาคม ขณะที่เรือไดฟ์วิ่งพากลุ่มนักดำน้ำแล่นผ่านบริเวณเส้นทางจากเกาะพีพี กลับมายังภูเก็ต เมื่อมาถึงกลางทะเล ระหว่างเกาะราชากับเกาะเฮ ได้พบเห็นเรือประมงลำหนึ่ง ข้างเรือระบุ ชื่อ “แสงสมุทร 3” กำลังบรรทุกฉลามวาฬขนาดใหญ่อยู่บนเรือ ระหว่างที่วิ่งเข้าไปใกล้ นักดำน้ำบนเรือจึงช่วยตะโกนให้หยุดเรือ ก่อนที่กัปตันเรือไดฟ์วิ่งจะพยายามขับเรือเข้าใกล้ และตะโกนให้กัปตันเรือแสงสมุทร 3 ปล่อยฉลามวาฬ ซึ่งกัปตันเรือแสงสมุทร 3 รับปากว่าจะปล่อย ก่อนพยายามจะขับเรือออกห่าง กัปตันเรือไดฟ์วิ่งได้ขับตามอีกครั้ง เพื่อขอให้ปล่อย ก่อนที่เรือแสงสมุทร 3 จะหยุดเรือและปล่อยฉลามวาฬตัวดังกล่าวลงทะเล

Advertisement

ซึ่งขณะที่ปล่อยนั้นนักดำน้ำสังเกตเห็นว่าฉลามวาฬตัวดังกล่าวนอนแน่นิ่ง ไม่มีการตอบสนอง ผิวหนังเริ่มแห้ง อีกทั้งยังพบว่าฉลามวาฬกำลังท้องแก่ใกล้คลอด ขณะที่คนบนเรือพยายามพลิกส่วนหางฉลามวาฬให้ตกลงจากเรือ ทำให้ส่วนท้องถูกกับขอบเรือ ลูกฉลามวาฬขนาดเล็กที่ยังไม่ครบกำหนดคลอด หลุดออกจากช่องคลอด ก่อนที่จะตกลงไปในน้ำทั้งคู่ ก่อนที่เรือลำดังกล่าวจะขับออกไป ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวสะเทือนใจผู้เห็นเหตุการณ์เป็นอย่างมาก สอบถามเพิ่มเติมไปยังเครือข่ายดำน้ำทราบว่า หลังปล่อยกลับสู่ทะเล มีเรือของกลุ่มดำน้ำขับผ่านมาพบว่าฉลามวาฬตัวดังกล่าวได้ตายลง และซากยังลอยอยู่ในทะเลในบริเวณใกล้เคียง

วันที่ 19 พฤษภาคม นายจตุพร บุรุษพัฒน์ อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง(ทช.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) ให้สัมภาษณ์ว่า เห็นข่าวแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา เป็นการกระทำที่ใช้ไม่ได้ และอุกอาจอย่างยิ่ง ฉลามวาฬเป็นสัตว์ใหญ่ หายาก และทาง ทช.ก็ออกข่าวบ่อยมากเกี่ยวกับข้อปฏิบัติต่อสัตว์ทะเลชนิดนี้ ทั้งนี้ได้สั่งการด่วนให้ทางสำนักงานบริหาร ทช.ที่ 9 (ภูเก็ต) ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง ทราบว่าเรืออวนลากชื่อว่า แสงสมุทร 3 หมายเลขทะเบียน 2283 04242 ได้ปล่อยฉลามวาฬลงทะเลไปแล้ว

ได้ประสานไปทางเจ้าหน้าที่กรมประมง เพื่อหาพิกัดและเส้นทางการเดินเรือของเรือแสงสมุทร 3 พบว่าขณะช่วงเวลานั้นไม่ได้ทำการประมงในเขตหวงห้าม จึงได้ประสานข้อมูลไปยังศูนย์ pipo ภูเก็ต ขอให้ดำเนินการสอบถามข้อเท็จจริงจากไต๋เรือและลูกเรือ เบื้องต้นมีความผิดตามกฎหมายหลายฉบับมาก ทั้ง พ.ร.บ.การประมง พ.ศ.2558 มาตรา 66 ฐานนำสัตว์น้ำที่เลี้ยงลูกด้วยนม สัตว์น้ำที่หายากและใกล้สูญพันธุ์ ที่ห้ามจับหรือนำขึ้นเรือประมง และมีความผิดตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 มาตรา 16 ฐานล่าหรือพยายามล่าสัตว์ป่าคุ้มครอง โดยวันนี้ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่สำรวจตามหาซากฉลามวาฬตัวดังกล่าว ที่มีคนเห็นว่าถูกปล่อยลงจากเรือและตายในเวลาต่อมา หากฉลามวาฬตัวดังกล่าวตายจริงก็จะมีความผิดเพิ่มขึ้นมาอีก โดย ทช.จะเป็นเจ้าทุกข์ รวบรวมข้อมูลหลักฐานเพื่อส่งพนักงานสอบสวน สภ.ฉลองดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป” นายจตุพรกล่าว

ผศ.ธรณ์ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุอีกครั้งว่า “เรื่องฉลามวาฬโดนจับและมีนักดำน้ำพบเห็นที่ จ.ภูเก็ต ผมขออธิบายดังนี้ครับ 1.ฉลามวาฬเป็นสัตว์ห้ามทำการประมง ตามประกาศกระทรวงเกษตรฯ 2.ประกาศดังกล่าวระบุชัดเจน “ห้ามจับหรือนำขึ้นเรือประมง” เพราะฉะนั้น การนำขึ้นเรือประมง น่าจะถือเป็นความผิดตามกฎหมาย 3.บทลงโทษตามมาตรา 66 ของ พ.ร.บ.ประมง คือปรับ สามแสนถึงสามล้านบาท หรือปรับมูลค่า 5 เท่าของมูลค่าสัตว์น้ำที่จับหรือนำขึ้นเรือประมง แล้วแต่ว่าจำนวนใดจะสูงกว่ากัน สังเกตคำว่า “นำขึ้นเรือประมง” นะครับ 4.พนักงานเจ้าหน้าที่ตาม พ.ร.บ.โดยตรง คือเจ้าหน้าที่ของกรมประมง 5.ฉลามวาฬยังเป็นสัตว์คุ้มครองตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า หมายถึงผิดทั้ง 2 พ.ร.บ.ครับ หลักฐานมีภาพถ่าย คลิป พยานผู้เห็นเหตุการณ์ เชื่อว่าคงพอให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการได้ครับ แน่นอนว่าผมน้ำตาซึมเมื่อทราบเรื่องนี้ เห็นภาพนี้ แต่โวยวายอย่างไรร้องไห้แค่ไหนก็คงไม่มีประโยชน์ เราต้องว่ากันตามตัวบทกฎหมาย การเป็น อ.ธรณ์บางครั้งก็อัดอั้น อยากร้องกรี๊ด อยากโกรธ อยากเขียนอะไรหลายๆ อย่างเพื่อระบายอารมณ์ แต่เพื่อให้ข้อความเหล่านี้เกิดประโยชน์ และสามารถผลักดันให้เธอเป็นฉลามวาฬตัวสุดท้ายที่โดนกระทำเช่นนี้ บางหนคนเราต้องอดทน ต้องกลั้นน้ำตาเขียนครับ”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image