พศ.ไม่นิ่งนอนใจข่าวฉาวพระ เร่งสอบตำแหน่ง ‘กาโตะ’ ก่อนสึกโยงคดีอาญา

พศ.ระบุไม่นิ่งนอนใจข่าวฉาวพระ เร่งสอบตำแหน่ง ‘กาโตะ’ ก่อนสึกโยงคดีอาญา  มส.กำชับเจ้าคณะผู้ปกครองเข้มงวดดูแลวินัยสงฆ์

นายสิปป์บวร แก้วงาม ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เปิดเผยว่า กรณีเกิดเหตุการณ์พระสงฆ์ประพฤติปฏิบัติตนไม่เป็นไปตามพระธรรมวินัยนั้น พศ.ไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยเมื่อเร็วๆ นี้ได้รวบรวมกรณีเสื่อมเสียที่เกิดขึ้นกับทางคณะสงฆ์ เสนอให้ที่ประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) พิจารณาเพื่อวางแนวทางแก้ไข โดย มส.ได้มีมติส่งหนังสือกำชับไปยังเจ้าคณะผู้ปกครองให้กำกับดูแลคณะสงฆ์ให้ประพฤติปฏิบัติตนให้เป็นไปตามพระธรรมวินัยอย่างเข้มงวด ทั้งนี้ที่ผ่าน มส.ได้มีการกำชับมาตลอด แต่ยอมรับว่าในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ทางคณะสงฆ์อาจไม่สามารถกำกับดูแลได้ทั่วถึง ส่วนกรณีอดีตพระกาโตะนั้น ทราบว่าเมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นทางเจ้าคณะผู้ปกครองได้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบขึ้นแล้ว แต่ระหว่างการตรวจสอบ อดีตพระกาโตะได้ลาสิกขา จึงถือว่าการสอบสวนทางวินัยสงฆ์ได้สิ้นสุดลง

นายสิปป์บวรกล่าวต่อว่า ส่วนกรณีอดีตพระกาโตะยืมเงินจำนวน 6 แสนบาท ของวัดเพ็ญญาติ เพื่อนำไปให้สีกาและเคลียร์ข่าวฉาวนั้น แม้ต่อมาหลังสึกไปแล้ว อดีตพระกาโตะนำเงินมาคืนแล้วนั้น ต้องหาหลักฐานยืนยันที่ชัดเจนว่าขณะที่ยังเป็นพระ กาโตะได้เป็นรักษาการเจ้าอาวาสจริงหรือไม่ ซึ่งหากเป็นรักษาการเจ้าอาวาสจริง จะเข้าข่ายความผิดทางอาญาฐานยักยอกเงิน เนื่องจากผู้ที่ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส และผู้รักษาการเจ้าอาวาส จะมีสถานะเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายด้วย แต่หากกาโตะมีสถานะเป็นพระลูกวัด เมื่อนำเงินไปคืนก็ถือว่าสิ้นสุดแล้ว ซึ่งขณะนี้ทาง พศ.รอหลักฐานยืนยันที่ชัดเจนจากทางคณะสงฆ์ จ.นครศรีธรรมราช (ธรรมยุต) ที่ขณะนี้ได้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินของวัดเพ็ญญาติขึ้นมาแล้ว คงให้เวลาคณะสงฆ์ดำเนินการสอบสวนต่อไป ส่วนกรณีพระคนกลางที่รับเงินจากกาโตะเพื่อจะนำไปเคลียร์ข่าวให้นั้น พบว่ามีคดีความติดตัวมาอยู่แล้ว และเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังดำเนินการอยู่ ตามขั้นตอนของคณะสงฆ์แล้ว หากมีคดีความทางโลกอยู่ จะต้องรอให้คดีความสิ้นสุดเสียก่อนแล้วกระบวนการทางพระธรรมวินัยจึงจะดำเนินการต่อ ส่วนกระแสข่าวว่าพระรูปดังกล่าวยังมีการรับเงินมาเพื่อช่วยวิ่งเต้นเรื่องสมณศักดิ์ด้วยนั้น ยังไม่มีข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ ยืนยันว่า พศ.ไม่ได้นิ่งนอนใจ และจะดำเนินการตามขั้นตอนจนถึงที่สุด

“ทุกเรื่องที่เกิดขึ้น พศ.ไม่ได้นิ่งนอนใจ เป็นกรณีศึกษาและเป็นบทเรียนสำคัญของคณะสงฆ์ โดยจะเห็นว่าส่วนใหญ่เกิดจากช่องว่างในการกำกับดูแล ดังนั้น มส.จึงได้ทำหนังสือกำชับเจ้าคณะผู้ปกครองในพื้นที่ให้กำกับดูแลพระนวกะ หรือพระใหม่ที่บวชไม่ถึง 5 พรรษาให้เคร่งครัดมากขึ้น ส่วนกรณีชายหนุ่มรายหนึ่งนิมนต์พระธุดงค์ใส่บาตรข้าวเหนียวไก่แต่ถูกโยนทิ้ง ทำให้ถูกตั้งข้อสงสัยว่าเป็นพระปลอมหรือไม่นั้น ในส่วนนี้จะมีพระวินยาธิการที่ได้รับแต่งตั้งจากเจ้าคณะจังหวัดเข้ามาช่วยตรวจสอบและดูแลความสงบเรียบร้อยด้านการปฏิบัติวินัยของพระภิกษุสามเณรอยู่แล้ว แต่ในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ก็อาจทำให้การตรวจสอบดูแลไม่สามารถทำได้เข้มงวดเท่าที่ควร ซึ่งทั้งหมดนี้ พศ.ได้รวบรวมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและทำให้วงการสงฆ์เสื่อมเสีย เสนอ มส.พิจารณาวางแนวทางแก้ไขเรียบร้อยแล้ว” นายสิปป์บวรกล่าว

ผู้อำนวยการ พศ.กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม นายอนุชา นาคาศัย เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแล พศ. และได้สั่งการให้ พศ.ทำหน้าที่ประสานงานกับเจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์อย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่เหมาะสม และให้เร่งประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจกับพุทธศาสนิกชน แม้ในช่วงนี้ คณะสงฆ์อาจจะมีข่าวที่ไม่เหมาะสมเกิดขึ้นบ้าง แต่ยังมีเรื่องที่คณะสงฆ์ดำเนินการและเกิดผลดีกับพุทธศาสนิกชนอีกจำนวนมาก ขอให้หยิบยกเรื่องต่างๆ เหล่านี้ขึ้นมาประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบต่อไป

“ผมเข้าใจว่าเมื่อมีเรื่องเสื่อมเสียเกิดขึ้นกับคณะสงฆ์สังคมมักพุ่งเป้ามาที่ พศ.เป็นหลัก ตรงนี้อยากทำความเข้าใจ และต้องแยกภารกิจให้ชัดเจนว่า การปกครองสงฆ์เป็นอำนาจของเจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ตามลำดับชั้น ไม่มีกฎหมายข้อใดที่ระบุให้ พศ.เข้าไปมีส่วนร่วมในการปกครองคณะสงฆ์ โดย พศ.เป็นเพียงหน่วยงานที่ทำหน้าที่ส่งเสริมสนับสนุนการทำงานของทางคณะสงฆ์เท่านั้น ไม่สามารถไปก้าวล่วงการกำกับดูแลของทางคณะสงฆ์ได้” ผู้อำนวยการ พศ.กล่าว

ADVERTISMENT