เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ตรวจเยี่ยมความพร้อมในการเปิดให้บริการอาคารเครื่องทองอยุธยา พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วยนางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัด วธ. นายประทีป การมิตรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมีนายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร ข้าราชการและเจ้าหน้าที่กรมศิลปากร สำนักศิลปากรที่ 3 พระนครศรีอยุธยา พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา ให้การต้อนรับ
โดยนายพนมบุตรกล่าวว่า ปี 2557 กรมศิลปากรมีนโยบายปรับปรุงและพัฒนา พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา โดยการจัดสร้างอาคารหลังใหม่ สำหรับจัดแสดงโบราณวัตถุประเภทเครื่องทองอยุธยาที่ค้นพบในแหล่งโบราณคดีจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ให้อยู่ในรูปแบบที่น่าสนใจ ทันสมัย และได้มาตรฐานตามหลักพิพิธภัณฑสถานสากล เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพของพิพิธภัณฑ์ในฐานะแหล่งเรียนรู้ทางมรดกศิลปวัฒนธรรมแก่สถาบันครอบครัวและสถาบันการศึกษา รวมทั้งเป็นการสร้างภาพจำและความประทับใจให้แก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ในฐานะพิพิธภัณฑ์ที่บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ โบราณคดีที่ยิ่งใหญ่ในอดีตของไทย อาคารเครื่องทองอยุธยา พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา วางศิลาฤกษ์เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม พ.ศ.2560 ลักษณะเป็นอาคารไทยประยุกต์ 2 ชั้น มีพื้นที่ใช้สอยประมาณ 3,275 ตารางเมตร แบ่งเนื้อหาการจัดแสดง ออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ ส่วนที่ 1 จัดแสดงเครื่องทองจากวัดราชบูรณะ ประเภทเครื่องราชกกุธภัณฑ์ เครื่องสูง เครื่องราชูปโภคและเครื่องถนิมพิมพาภรณ์ ส่วนที่ 2 จัดแสดงเครื่องทองจากวัดราชบูรณะ ประเภทเครื่องพุทธบูชา เครื่องอุทิศ และพระบรมสารีริกธาตุ รวมถึงกรุจำลองวัดราชบูรณะ
“ส่วนที่ 3 จัดแสดงเนื้อหาเกี่ยวกับคติการบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และพระบรมสารีริกธาตุที่พบในโบราณสถานจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้แก่ พระปรางค์วัดพระราม พระปรางค์วัดมหาธาตุ เจดีย์วัดพระศรีสรรเพชญ์ และเจดีย์ศรีสุริโยทัย จำนวนโบราณวัตถุที่จัดแสดงภายในอาคารเครื่องทอง มีจำนวนทั้งสิ้น 2,244 รายการ โบราณวัตถุชิ้นเด่น อาทิ พระแสงขรรค์ชัยศรี พระคชาธารจำลอง จุลมงกุฎ พระสุวรรณมาลา บัดนี้ อาคารเครื่องทองอยุธยา พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา พร้อมเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 30 ธันวาคม 2565 โดยระหว่างวันที่ 30 ธันวาคม 2565 ถึงวันที่ 2 มกราคม 2566 ไม่เก็บค่าธรรมเนียมเข้าชมเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ ทั้งนี้ ผู้ที่เข้ามาใช้บริการจะได้รับความรู้เกี่ยวกับเครื่องทองอยุธยามากยิ่งขึ้น ตลอดจนเกิดความภาคภูมิใจและความตระหนักในการอนุรักษ์มรดกวัฒนธรรมของประเทศชาติต่อไป” นายพนมบุตรกล่าว