ตระการตา แห่ดาวคริสต์มาสสกลนครสุดยิ่งใหญ่ วธ. เล็งดันเป็นประเพณีนานาชาติ

ตระการตา แห่ดาวคริสต์มาสสกลนครสุดยิ่งใหญ่ วธ. เล็งดันเป็นประเพณีนานาชาติ

เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม เวลา 19.00 น. ที่ บริเวณลานพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 5 ต.ธาตุเชิงชุม  จ.สกลนคร  มีการจัดงานประเพณีแห่ดาวเทศกาลคริสต์มาส ค.ศ.2024 ประเพณีสำคัญของศาสนาคริสต์ ที่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ เฉลิมฉลองการประสูติของพระเยซูเจ้า โดยมี น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม(วธ.) เป็นประธานปล่อยขบวนรถแห่ดาว กว่า 200 คัน ที่ประดับตกแต่งอย่างสวยงาม พร้อมติดแสงไฟสีสันสดใสสว่างไสวทั่วทั้งถนน สร้างความตื่นตาตื่นใจให้ผู้เข้าร่วมชม ตลอดสองข้างทาง

ทั้งนี้ พระอัครสังฆราช อันตน วีระเดช ใจเสรี ได้ร่วมขบวนรถบุษบกแห่ดาวคริสมาสต์ เคลื่อนตัวออกจาก ไปตามเส้นทางถนนสุขเกษม ผ่านสี่แยกศรีนคร มุ่งหน้าเข้าโรงเรียนเซนต์ยอแซฟสกลนคร ภายในสำนักมิสซังโรมันคาทอลิกท่าแร่ -หนองแสง เมื่อขบวนถึงแล้วชาวคริสต์ร่วมกันขับร้องเพลงประสานเสียงอวยพรวันคริสต์มาส จากนั้น พระอัครสังฆราช อันตน วีระเดช ใจเสรี โปรยลูกอมส่งความสุขในวันคริสต์มาส ให้แก่ผู้ที่มาร่วมงาน

ADVERTISMENT

น.ส.สุดาวรรณ กล่าวว่า วธ.โดยกรมการศาสนา ร่วมกับจังหวัดสกลนคร หน่วยงานภาครัฐ และเอกชน ได้จัดงานประเพณีแห่ดาวคริสต์มาส ค.ศ.2024 จังหวัดสกลนคร ในระหว่างวันที่ 20-26 ธันวาคม 2567 เป็นการส่งเสริม Soft Power ในมิติศาสนาศาสนา ภายใต้โครงการ “เสน่ห์แห่งสีสัน เทศกาลแห่งศรัทธา” เพื่อเชิญชวนนักท่องเที่ยวร่วมสัมผัสความมหัศจรรย์ของกิจกรรมใน 7 หมวดหมู่ ได้แก่ เทศกาลลอยกระทง เทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ไปจนถึง การขึ้นปีใหม่แบบไทยด้วยการสวดมนต์ข้ามปีและการทำบุญตักบาตร เทศกาลดนตรี กีฬา อาหาร วัฒนธรรม

ADVERTISMENT

“ทั้งนี้ ประเพณีแห่ดาวคริสต์มาสสกลนคร มีการจัดอย่างยิ่งใหญ่ มีประชาชนเข้าร่วมจำนวนมาก มองว่ามีศักยภาพที่วธ. จะสนับสนุนเป็นประเพณีระดับนานาชาติต่อไปได้ โดยการจัดงานประเพณีแห่ดาวคริสต์มาส เป็นการรำลึกถึงเหตุการณ์สำคัญ ในการเฉลิมฉลองการประสูติของ พระเยซูเจ้า เพื่อไถ่บาปมวลมนุษยชาติ ซึ่ง ดาว คือสัญลักษณ์แห่งแสงสว่าง ที่นำทางให้ไปพบสถานที่เสด็จลงมาประสูติบนโลกมนุษย์ สิ่งสำคัญของงานนี้ ทำให้ได้เห็นความร่วมแรงร่วมใจของชาวจ.สกลนคร ที่ร่วมกันจัดงานประเพณีแห่ดาวคริสต์มาสขึ้น เป็นปีที่43 ทำให้งานประเพณีแห่ดาวคริสต์มาส ถูกจัดให้เป็นหนึ่งในเทศกาลประเพณี ที่รัฐบาลมุ่งเน้นและให้ความสำคัญ เพื่อส่งเสริม Soft Power ทั้งในด้านศาสนา วัฒนธรรม และการท่องเที่ยวด้วย เป็นการนำเอาวัฒนธรรมมาสร้างเศรษฐกิจ ผ่านการท่องเที่ยว รวมถึงการนำเอาทุนทางวัฒนธรรม ที่มีอยู่ในพื้นที่มาพัฒนา ต่อยอด และยกระดับขีดความสามารถของชุมชน “น.ส.สุดาวรรณ กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image