มติชน สมาร์ทบิซ วันที่ 10 มิ.ย.2559
คณเกษสุดา ไรวา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอส แอนด์ พี ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการร้านอาหารหันมาให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากรมากขึ้น เพราะการแข่งขันรุนแรง ส่งผลกับการเคลื่อนย้ายบุคลากรในธุรกิจ และอัตราว่างงานของไทยที่มีไม่ถึง 1%
ปัจจุบัน “เอส แอนด์ พี” มีศูนย์การเรียน บริษัท เอส แอนด์ พี ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) จัดสอนในหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) สาขางานธุรกิจค้าปลีก และสาขางานอาหารและโภชนาการ รวมทั้งมีนักเรียนทวิภาคีจากวิทยาลัยอาชีวะอื่น ๆ และมหาวิทยาลัยมาฝึกอาชีพกับบริษัทไม่ต่ำกว่า 800 คนต่อปี โดยในจำนวนนี้มีโอกาสเข้ามาเป็นพนักงานประจำของบริษัทกว่า 25%
ด้านโรงเรียนการอาหารไทย “เอ็ม เอส ซี” สถาบันพัฒนาเชฟอาหารไทยที่ร่วมทุนกันระหว่างยักษ์ร้านอาหาร “ไมเนอร์-เอส แอนด์ พี” ร่วมกับเชฟดัง “จุมพล แจ้งไพร” “ปัทมาวลัย รัตนพล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปีนี้จะขยับบทบาทเป็นศูนย์กลางซัพพอร์ตอาหารไทยทั้งระบบ
ทั้งในแง่ของโนว์ฮาว การฝึกบุคลากร ร่วมวางแผนและออกแบบครัวกลาง การควบคุมมาตรฐานร้าน เจาะกลุ่มเจ้าของธุรกิจร้านอาหารไทย รวมทั้งโรงงานผลิตอาหารทั้งในและต่างประเทศ ดังนั้นเพื่อสร้างการรับรู้ให้มากขึ้น บริษัทจะสื่อสารผ่านเว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย เข้าร่วมอีเวนต์และรายการอาหารทางโทรทัศน์ต่าง ๆ รวมทั้งงานแคเทอริ่งขนาดใหญ่
ร้านอาหารไทยมีโอกาสเติบโตอีกมาก จากความนิยมของคนเอเชียและยุโรปที่ได้เดินทางมาเที่ยวไทย รสชาติจัดจ้านและมีสมุนไพรเป็นวัตถุดิบที่ตอบโจทย์กระแสใส่ใจสุขภาพ ทำให้อาหารไทยติดอันดับท็อปทรีของอาหารเอเชีย จึงเป็นโอกาสของโรงเรียนการอาหารไทย “เอ็ม เอส ซี” ที่มีเป้าหมายผลิตเชฟให้ได้ปีละ 200 คน
เพื่อรองรับการขยายสาขาของร้านอาหารของเครือไมเนอร์ฯ อาทิ ไทยเอ็กซ์เพรส, แกรบไทย รวมถึงร้านภัทราและสุดาที่ร่วมทุนกับเอส แอนด์ พี เปิดในลอนดอน นอกจากนี้ยังป้อนเชฟให้กับร้านอาหารไทยรายอื่น ๆ อีกด้วย
ด้าน “ยิ่งศักดิ์ จงเลิศเจษฎาวงศ์” ประธานกรรมการวิทยาลัยเทคโนโลยีธุรกิจการอาหารไทยและนานาชาติ กล่าวว่า ปัจจุบันมีสาขาที่กรุงเทพฯและเชียงใหม่ มีนักเรียนมากกว่า 2,000 คน และได้ปรับเนื้อหาให้สอดคล้องความสนใจของผู้เรียนมากขึ้น
ทั้งนี้ยังเห็นโอกาสของธุรกิจอาหารไทยและนานาชาติในออสเตรเลียที่เติบโตก้าวกระโดด จึงจับมือกับโรงเรียนของออสเตรเลียเปิดคอร์สร่วมกันผลิตบุคลากรด้านวิชาชีพเชฟและการบริการ เพื่อป้อนเข้าสู่ธุรกิจอาหารไทยและนานาชาติในประเทศออสเตรเลีย ตั้งเป้าผลิตได้ปีละ 300 คน