มติชน สมาร์ทบิซ วันที่ 10 ส.ค. 2559
นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. กล่าวหลังการหารือร่วมกับตัวแทนจากกระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รวมทั้งผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั้ง 5 ราย ทั้งเอไอเอส ดีแทค ทรู แคท และทีโอที เกี่ยวกับแนวทางป้องกันและเฝ้าระวังเรื่องต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้งานแอพพลิเคชั่นเกมโปเกมอน โก ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากจากคนไทยในขณะนี้ว่า
ที่ประชุมมีข้อตกลงร่วมกันใน 3 ประเด็น ประกอบด้วย 1.ในเรื่องความปลอดภัย ทาง กสทช.จะขอให้ทรูช่วยยกร่างหนังสือ ในการระบุสถานที่ที่ไม่เหมาะสม หรือการจัดการโซนนิ่งในการเล่นเกมโปเกมอน โก ได้แก่ ถนน ทางรถไฟ คูน้ำ คลอง ที่ราบเชิงเขา ศาสนสถาน โรงเรียน โรงพยาบาล สถานที่ราชการ และที่ส่วนบุคคล โดยขอให้ทรูนำส่งร่างหนังสือดังกล่าวมาให้ กสทช.ใน 3 วัน จากนั้น กสทช.จะลงนามและเป็นผู้ส่งต่อและเจรจากับบริษัท นีอานติค ซึ่งเป็นผู้พัฒนาและให้บริการเกม โปเกมอน โก โดยเร็วที่สุด
ขณะที่ประเด็นที่ 2 ที่ได้ข้อสรุปคือ ให้ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั้ง 5 ราย จัดทำคู่มือการเล่นเกมโปเกมอน โก ออกเผยแพร่ภายใน 3 วัน โดยเป็นการแนะนำการใช้งาน ทั้งในส่วนของเด็กและผู้ปกครอง ส่วนประเด็นที่ 3 คือ เรื่องของการคุ้มครองผู้บริโภค จากค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นโดยไม่รู้ตัว หรือบิลช็อก จากการใช้เงินซื้อไอเท็มในเกม
จากการหารือเบื้องต้น พบว่ามีเพียงเอไอเอสและดีแทคที่อนุญาตให้มีการคิดเงินการซื้อไอเท็มลงในค่าโทรศัพท์ โดยเอไอเอสมีการกำหนดวงเงินในการซื้อไอเท็มที่ 1,000 บาทต่อวัน สูงสุดไม่เกิน 10,000 บาทต่อเดือน รวมทั้งจะมีเอสเอ็มเอสแจ้งเตือนผู้ใช้งาน หรือผู้ปกครองของผู้ใช้งานที่เป็นเด็กทุกครั้ง ส่วนดีแทคจะมีการกำหนดวงเงินสูงสุดต่อเดือนที่ 8,000 บาท และจะมีการส่งเอสเอ็มเอสแจ้งผู้ใช้งาน และผู้ปกครองของผู้ใช้งานที่เป็นเด็กทุกครั้งเช่นกัน ส่วนทรูไม่มีบริการโลคอลเพย์เมนต์ ผู้ใช้บริการจะจ่ายเงินซื้อไอเท็มในเกมจากแอพสโตร์หรือเพลย์สโตร์โดยตรง
