มติชน สมาร์ทบิซ วันที่ 15 ส.ค.2559
นายอิทธิฤทธิ์ กิ่งเล็ก ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่าเหตุที่เกิดขึ้นจะส่งผลกระทบเศรษฐกิจในภาพรวมที่เริ่มฟื้นตัว เพราะกระทบความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยวทั้งกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติที่ขณะนี้เป็นความหวังในการสร้างรายได้ให้กับประเทศ อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวฯ ยังไม่สามารถประเมินผลกระทบได้ชัดเจนมากนัก ต้องรอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสรุปหาสาเหตุก่อนว่าเกิดจากอะไร
ด้านนายธีระยุทธ จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงแรมและรีสอร์ตในเครือเซ็นทารา กับนาย วสันต์ กิตติกุล นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) ภาคตะวันตก ระบุว่ากรณีที่เกิดขึ้น ทำให้ตัวเลขยกเลิกการจองวันที่ 12 ส.ค.ที่ผ่านมา สูงกว่า 30% แล้ว ขณะที่ชะอำ มียอดยกเลิกห้องพัก 10% จากเดิมที่คาดว่าช่วงหยุดยาวนี้ หัวหินและชะอำจะมีอัตราเข้าพักสูงกว่า 80% จึงค่อนข้างเป็นห่วงช่วงฤดูการท่องเที่ยวหรือไฮซีซั่นที่จะเริ่มเดือน พ.ย.นี้ และอาจกระทบถึงโรงแรมใน จ.ภูเก็ต พังงา ตรังด้วย
ด้านนายสุชาติ หิรัญกนกกุล กรรมการผู้จัดการโรงแรมภูเก็ต เกรซแลนด์ รีสอร์ท แอนด์ สปา คาดว่านักท่องเที่ยวจีนอาจเป็นตลาดแรกๆที่ยกเลิกการเดินทาง เพราะอ่อนไหวกับสถานการณ์ความไม่ปลอดภัยอย่างมาก
ขณะที่นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า เบื้องต้นคาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวภาพรวมของไทยมากนัก เนื่องจากนักท่องเที่ยวต่างชาติยังเชื่อมั่นในศักยภาพการดูแลรักษาความปลอดภัยของไทยทำให้มั่นใจว่าทั้งปีจะมีนักท่องเที่ยวมาไทยไม่ต่ำกว่า 2 ล้านคน สร้างรายได้ให้ประเทศ ได้ถึง 2.4 ล้านล้านบาท
ด้านนายอมรเทพ จาวะลา ผู้อำนวยการอาวุโส สำนักวิจัย ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย (CIMBT) ได้ประเมินเบื้องต้นว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย 2 มิติ ได้แก่ ด้านการท่องเที่ยว และด้านความเชื่อมั่นผู้บริโภค อาจกระทบจำนวนนักท่องเที่ยวลดลง 1-2 เดือนหลังจากนี้ไป โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศแถบเอเชียตะวันออกที่จะอ่อนไหวกับเหตุการณ์เช่นนี้ แต่ถ้ารัฐบาลสามารถสร้างความเชื่อมั่นกลับคืนมาได้เร็วผลกระทบก็จะน้อยลง อีกทั้งช่วงนี้เป็นโลว์ซีซั่น ยังไม่ส่งผลกระทบต่อนักท่องเที่ยวกลุ่มยุโรปที่จะเข้ามาเที่ยวมากนัก สำหรับผลกระทบต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภค ระยะสั้นอาจทำให้เกิดการชะลอซื้อสินค้าโดยเฉพาะสินค้าคงทน ซึ่งมีทิศทางชะลอตัวจากภาวะเศรษฐกิจไม่ดีอยู่แล้ว ทั้ง 2 มิติจะกระทบชั่วคราว ไม่กระทบภาพรวมเศรษฐกิจครึ่งปีหลัง
ทั้งนี้ ปัจจุบันเครื่องยนต์หลักของเศรษฐกิจไทย ด้านภาคส่งออกหดตัวต่อเนื่อง ขณะที่ภาคการบริโภคเอกชนยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ จะมีเพียงการใช้จ่ายของภาครัฐ ซึ่งก็มีข้อจำกัดเพราะอยู่ในภาวะลดนโยบายประชานิยมและกำลังปฏิรูปเศรษฐกิจ จึงเหลือเพียง ภาคการท่องเที่ยวที่โตแข็งแกร่ง ที่เป็นเครื่องยนต์สำรองช่วยพยุงเศรษฐกิจไทยให้ประคองตัวต่อไปได้ ทั้งนี้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่า ณ สิ้นปี 2559 รายได้จากภาคท่องเที่ยวอยู่ที่ 2.23 ล้านล้านบาท
