มติชน สมาร์ทบิซ วันที่ 24 ส.ค.2559
นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. กล่าวถึงกรณีมิจฉาชีพเข้ามาหาประโยชน์จากเทคโนโลยีธุรกรรมทางการเงินใหม่ ๆ ว่า ปัญหาดังกล่าวมีผู้เกี่ยวข้อง 4 กลุ่ม คือ ประชาชน สถาบันการเงิน ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ และ หน่วยงานที่กำกับดูแล ซึ่งยอมรับว่า เกิดช่องโหว่ใน 4 กลุ่มดังกล่าว โดยเฉพาะภาคประชาชนที่ยังมีความไม่เข้าใจเพียงพอในการรักษาความลับข้อมูลส่วนบุคคล ขณะที่สถาบันการเงินทุกแห่งจะต้องปิดช่องโหว่ ยกระดับเทคโนโลยี โดยเฉพาะการพิสูจน์ตัวตน ให้ทันกับมิจฉาชีพ ที่มีเทคโนโลยีที่มีการโจรกรรมที่ซับซ้อนมากขึ้น ขณะเดียวกันผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือจะต้องมีรูปแบบการทำงานที่รัดกุมมากขึ้นด้วยเช่นกัน
ขณะนี้ธปท.ได้ออกประกาศให้สถาบันการเงิน สามารถเสนอช่องทางระบบการพิสูจน์ตัวตน ด้วยช่องทางอิเลกทรอนิกส์ เช่น การแสกนลายนิ้วมือ และม่านตา มายังธปท. เพื่อพัฒนาระบบการพิสูจน์ให้ทันสมัยมากขึ้น
นายวิรไท กล่าวด้วยว่า ขอให้ภาคเอกชนทั้งผู้ส่งออกและนำเข้า ทำประกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนอย่างสม่ำเสมอ เพราะค่าเงินบาทจะมีความผันผวนมากขึ้น ซึ่งมาจากปัจจัยภายนอกเป็นหลัก ดังนั้น ผู้ประกอบการไทยต้องอย่าชะล่าใจ และป้องกันความเสี่ยงให้มากขึ้น