มติชน สมาร์ทบิซ วันที่ 19 ก.ย.2559
รศ.สิริวัฒน์ ไชยชนะ เลขาธิการ วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ตึกแถวเก่าหลังตลาดประชานิเวศน์ 1 เขตจตุจักรมีการทรุดตัวลงมา 12 คูหา เมื่อวันที่ 8 ก.ย.ที่ผ่านมา ทาง วสท.ได้จัดทีมเข้าตรวจสอบในพื้นที่เกิดเหตุ พบว่า อาคารมีปัญหา ขาดการดูแลรักษา ประกอบกับโครงสร้างมีการยึดรั้งที่ไม่สมบูรณ์จึงเป็นเหตุให้พังลงมา
ซึ่งในพื้นที่กรุงเทพมีอาคารขนาดเล็ก กว่า 100,000 อาคาร ที่ใช้งานมานานแล้ว ไม่เข้าข่ายกฎหมายตรวจสอบอาคารบังคับใช้ จึงเห็นว่าควรมีการตรวจสอบความเสื่อมสภาพของวัสดุตามการใช้งาน
ทางด้าน รศ.เอนก ศิริพานิชกร ประธานสาขาวิศวกรรมโยธา วสท. กล่าวเพิ่มเติมว่า วสท.อยู่ระหว่างเสนอแก้กฎกระทรวง ตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 ไปยังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ภาครัฐต้องมีการตรวจสอบการใช้อาคารทุกประเภทให้ถูกต้องตรงกับวัตถุประสงค์ในการขออนุญาตก่อสร้าง เนื่องจากสภาพปัญหาปัจจุบันที่พบคือ มีการใช้อาคารผิดประเภท โดยเฉพาะในประเภทอาคารพาณิชย์ที่พบว่ามีความสุ่มเสี่ยงสูง
ซึ่งเห็นพ้องตรงกันกับ นายอธิป พีชานนท์ นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร ที่อยากให้หน่วยงานรัฐเข้ามามีส่วนร่วมดูแลความปลอดภัยในการใช้อาคารทุกประเภท เพราะทุกครั้งที่มีข่าวตึกถล่ม ผู้บริโภคจะวิตกกังวลว่าคอนโดมิเนียมหรือตึกสูงจะถล่มหรือไม่
บอกได้เลยว่าไม่ต้องระแวง เพราะกฎหมายคุมเข้มงวดมากกับการก่อสร้างตึกสูง ทำให้มีความปลอดภัยสูงมาก ในด้านการก่อสร้างเราได้มาตรฐานเทียบเท่าตึกสูงในสิงคโปร์ กลุ่มที่น่าเป็นห่วงคืออาคารพาณิชย์กับทาวน์เฮาส์ เพราะมีการใช้อาคารผิดประเภทกับมีการต่อเติมดัดแปลงอาคารสูงมาก” นายอธิปกล่าว
