มติชน สมาร์ทบิซ วันที่ 26 ก.ย.2559
ข้อมูลจากบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า มีชาวต่างชาติให้ความสนใจเข้ามาใช้บริการศัลยกรรมความงามของโรงพยาบาลในเครือหลายแห่ง อาทิ โรงพยาบาลกรุงเทพ ไชน่าทาวน์, กรุงเทพ หัวหิน และต้นปีนี้ได้เปิดตึกโรงพยาบาลภูเก็ตอินเตอร์เนชั่นแนล และ Phuket Plastic Surgery Institute
โดยโรงพยาบาลภูเก็ตอินเตอร์เนชั่นแนล และ (สถาบันศัลยกรรมตกแต่งความงามภูเก็ต) หรือ PPSI ใช้งบลงทุนเกือบ 500 ล้านบาท ซึ่งเฟสแรกมี 25 เตียง ซึ่งในอนาคตจะเพิ่มเวลเนสเซ็นเตอร์ คอสเมติกส์สกินแคร์เซ็นเตอร์ดูแลผู้ป่วยมะเร็งผิวหนัง ซึ่งต่างชาติมีแนวโน้มเป็นจำนวนมาก โดยแผนกศัลยกรรมตกแต่งมีต่างชาติเข้ามาใช้บริการ 2,000-3,000 รายต่อปี ทั้งแบบเดี่ยวและกลุ่ม อายุ 35-50 ปี โดยกลุ่มใหญ่มาจากออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และยังมีตลาดใหม่ๆ เข้ามาจากรัสเซีย โดย 3 อันดับแรกนิยมเข้ามาผ่าตัดทรวงอก ลดไขมันหน้าท้องและต้นขา แก้ถุงตาหรือหนังตาหย่อนเกี่ยวกับใบหน้าทั้งหมด ทั้งยังมีเข้ามารับบริการแปลงเพศจากชายเป็นหญิงและหญิงเป็นชาย
ปัจจัยที่ทำให้เข้ามาใช้บริการศัลยกรรมตกแต่ง เพราะคุณภาพและผลลัพธ์การผ่าตัด ค่าใช้จ่ายค่อนข้างถูก เทียบสิงคโปร์หรือเกาหลีเฉลี่ย 20-30%
ขณะที่โรงพยาบาลยันฮีเปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ธุรกิจความงามและศัลยกรรมตกแต่งมีโอกาสเติบโตอีกมาก ทั้งในลูกค้าคนไทยและต่างชาติ เพราะสังคมเปิดกว้าง ผู้สนใจทำศัลยกรรมเพื่อเสริมบุคลิกมากขึ้น โดยเฉพาะแปลงเพศจากหญิงเป็นชาย ซึ่งในเอเชียมีไทยเป็นประเทศเดียวที่ทำได้
เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจ ยันฮีอยู่ระหว่างก่อสร้างตึกอินเตอร์ 3 น่าจะแล้วเสร็จปี 2561 โดยจะเพิ่มเตียงผ่าตัดเล็กจาก 20 เป็น 30 เตียง จากนั้นจะพัฒนาการจัดซื้อเครื่องมือแพทย์ให้อยู่อันดับต้นๆ และเพิ่มศักยภาพของบุคลากรผ่านการศึกษาดูงานในต่างประเทศทุกปี ปัจจุบันหมอศัลยกรรมตกแต่งมี 16 คน จะเพิ่มเป็น 20 คน ในอนาคต
โดยปัจจุบันมีผู้ใช้บริการศัลยกรรมตกแต่งประมาณ 100 คน/วัน โดยในส่วนของต่างชาติที่เข้ามามีทั้งซาอุดีอาระเบีย อิหร่าน ดูไบ เวียดนาม ลาว เมียนมา
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ปี 2559 ยันฮีจะเป็นโรงพยาบาลที่มีจำนวนผู้แปลงเพศมากที่สุด ติดอันดับ 1 ใน 3 ของเอเชีย มียอดผู้แปลงเพศรวมทั้งสิ้น 1.5 พันรายตลอด 20 ปีที่เปิดมา สิ้นปีนี้จะมีรับการแปลงเพศเพิ่มอีก 10% โดยใน 1 สัปดาห์มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการแปลงเพศเฉลี่ย 2-5 ราย
ก่อนหน้านี้ นพ.ธนัญชัย อัศดามงคล ผู้อำนวยการศูนย์ศัลยกรรมความงามโรงพยาบาลบางมด เปิดเผยว่า หลังจากเข้าตลาดหลักทรัพย์ในปี 2560 จะลงทุนโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านศัลยกรรมความงามครบวงจรในกรุงเทพฯ ภายใต้งบฯกว่า 1,000 ล้านบาท เพราะมองเห็นโอกาสธุรกิจความงามมูลค่าประมาณ 2-3 หมื่นล้านบาท มีการเติบโต 10% ทุกปีและยังสามารถเติบโตได้ในช่วงเศรษฐกิจไม่ดี
โรงพยาบาลบางมดเปิดมา 30 ปี มีรักษาโรคทั่วไป แต่รายได้หลักมาจากบริการเกี่ยวกับศัลยกรรมความงาม โดยไม่ได้มีการทำตลาดมากนัก เน้นการบอกปากต่อปาก
ด้านธนพรคลินิก ซึ่ง 4 ปีที่ผ่านมาได้ขยายบริการศัลยกรรม ทั้งเสริมจมูก ทำตา 2 ชั้น ทำหน้าอก ล่าสุด นายชยุตม์กันต์ พงศ์จิรกร ผู้ช่วยประธานกรรมการบริหาร ฝ่ายการตลาด บริษัท เอสเธติก คอนซัลแทนท์ จำกัด กล่าวว่า จะขยายบริการให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น อาทิ ทันตกรรมความงาม เส้นผม เพื่อรองรับแผนการลงทุนโรงพยาบาลความงามในปี 2565
