วันที่ 11 มิ.ย.65 รายการ “เอ็กซ์-อ็อก talk ทุกเรื่อง” ทางช่อง YouTube : Matichon TV คุยกับ เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส.กทม.พรรคก้าวไกล ผู้ขับเคลื่อนผลักดันกฎหมาย สุราก้าวหน้า ที่เปิดให้ผู้ผลิตรายเล็กสามารถผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ จากเดิมที่ผูกขาดเฉพาะทุนใหญ่ จนผ่านสภาวาระแรก
.
เท่าพิภพ เล่าว่า นับตั้งแต่เคยถูกข้อหาผลิตเบียร์โดยไม่ได้รับอนุญาตจากกรมสรรพสามิต ก็คิดว่ามีแต่ทางการเมืองเท่านั้นที่จะแก้ไขเรื่องนี้ได้ จนคิดจะตั้งพรรคเสรีคราฟต์เบียร์และกัญชาแห่งประเทศไทย เพื่อมาผลักดันเรื่องนี้ แต่ได้มีโอกาสคุยกับพรรคอนาคตใหม่ จึงมาร่วมงานกัน ซึ่งพรรคจะส่งให้ลงปาร์ตี้ลิสต์ อันดับ 28-30 แต่ตนคิดว่าคงไม่ได้รับเลือก จึงเสนอว่าขอลงเขตดีกว่า อย่างน้อยก็ได้ประสบการณ์
.
ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ จึงให้ไปลงเขต คลองสาน ธนบุรี บางกอกใหญ่ เราก็ทำเต็มที่ปั่นจักรยานไปลงพื้นที่ เรารู้ว่าพรรคนำแนวคิดเราไปทำนโยบายอยู่แล้ว เราก็ทำเพื่อพรรคหาเสียงเต็มที่ ไม่ได้คิดว่าทำเพื่อตัวเอง (ตอนนั้นระบบเลือกตั้งใบเดียวเลือกคน เท่ากับเลือกพรรคด้วย)
.
หลังได้มามาเป็นผู้แทนฯ ก็ผลักดันเรื่องนี้ตั้งแต่ได้เป็น ส.ส.ใหม่ๆ แต่เรื่องก็ล่าช้า เพิ่งจะได้มาเข้าสภาตอนนี้ ระหว่างนั้นก็ทำงานทางความคิดกับกลุ่มเครือข่าย และได้คุยกับสรรพสามิต ในกรรมาธิการพัฒนาเศรษฐกิจฯ ซึ่งสรรพสามิตเคยรับปากแก้กฎกระทรวงไว้ก็ไม่มีอะไรคืบหน้า จนเหลือทางเดียวคือการแก้ พระราชบัญญัติ
.
“การต่อสู้เรื่องนี้ไม่ใช่ผมคนเดียว ต้องขอบคุณพรรคอนาคตใหม่ พรรคก้าวไกล เครือข่ายคราฟต์เบียร์ทั่วประเทศ รวมถึงสุราชุมชน ถ้าผมไม่ได้มาเป็น ส.ส.ก็คงจะไม่ได้เจอพี่ๆ หลายคนที่เขาช่วยตรงนี้ ซึ่งผมต้องขอบคุณอย่างยิ่ง”
.
เท่าพิภพ กล่าวด้วยว่า เรื่องการเสนอกฎหมาย ถ้าเป็นฝ่ายค้านเสนอจะถูกปัดตกจนเป็นปกติ แต่พอกฎหมายฉบับนี้ก็หวังว่าจะมีปาฏิหาริย์ รู้สึกว่าอาจจะผ่าน เพราะได้ปิดช่องทุกอย่างที่เขาจะบอกว่าโหวตไม่ผ่าน
.
แล้วปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้น ซึ่งต้องขอบคุณทุกคนที่ได้พูดคุยปรับความเข้าใจกัน คนที่ต้องโหวตไม่เห็นด้วยตามมติพรรคเขาก็มาขอโทษ ตนเชื่อว่าทุกคนในสภาเห็นด้วยหมดแต่มันเป็นเรื่องการเมือง เป็นเรื่องหน้าตาของรัฐบาล หน้าตาของ พล.อ.ประยุทธ์ โดยเฉพาะ พล.อ.ประวิตร ซึ่งเขาก็เสียหายเยอะ ร่างนี้อาจจะทำให้รัฐบาลสั่นคลอนได้มากกว่าอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วยซ้ำ เพราะทำให้เขาเสียงแตก
.
“จังหวะเวลาและสังคมมีส่วนมาก บางทีสังคมก็เป็นตัวกดดัน ถ้าคุณโหวตโค่นร่างสุราก้าวหน้า แปลว่าคุณรับเงินนายทุน มันไม่มีเหตุผลอื่นแล้วครับ ถ้าคุณไม่เป็นมุสลิม ถ้างั้นคุณก็เอาเงินนายทุนแล้วล่ะ”
.
เมื่อถามถึง ในการพิจารณาวาระที่ 2 และ 3 กังวลว่ากฎหมายจะถูกคว่ำหรือไม่ เท่าพิภพ กล่าวว่า ก็ต้องสู้ เขาอาจจะคิดว่าเขาฆ่าเราได้ แต่เราต้องไม่ยอมให้เขาฆ่า เราก็ต้องทำต่อไป
.
ถามถึงความมั่นใจในการกลับมาเป็น ส.ส. ในการเลือกตั้งสมัยหน้า เท่าพิภพ หัวเราะโดยบอกว่า ไม่เคยมั่นใจเลยหลัง ผู้สมัคร ส.ก.ของก้าวไกล แพ้ในทั้ง 3 เขตที่ตนเป็น ส.ส. ตนรู้สึกว่า ได้ทำงานหนักในการลงพื้นที่ต่อเนื่องถ้าไม่มีงานสภา ทุกศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ รับว่าผลเลือกตั้ง ส.ก.ทำให้ตนเสียใจมาก แต่ก็ได้เรียนรู้ว่า อะไรวางได้ก็วาง แล้วแต่ประชาชนจะตัดสินใจเลือก ครั้งหน้าจะไม่ให้ตนเป็น ส.ส.ก็ไม่เป็นไร แต่ตนทำเต็มที่ทุกครั้ง และไม่ได้ยึดติดกับตำแหน่ง
.
อย่างไรก็ตาม การทำงานหนักในฐานะ ส.ส.ก็มีมุมกลับกับชีวิต เท่าพิภพ ยอมรับว่า เหนื่อยสุดๆ จนบางทีคิดว่าเราเต็มที่กับมันเกินไปหรือเปล่า แต่ก็คิดเสมอว่าทำให้ดีที่สุดในวาระ 4 ปีเพราะครั้งหน้าเราอาจจะไม่ได้เป็นเรา (ที่เป็น ส.ส.)
.
แต่แม้ตนอาจจะจบในเส้นทางการเมือง แต่ยังมีเพื่อน ส.ส.ขับเคลื่อนต่อ สิ่งที่ตนคิด หรืออยากจะเปลี่ยนแปลงจะไม่ได้จบตามไปด้วย เจตนารมณ์จากอนาคตใหม่ ส่งต่อมาก้าวไกล จะสืบทอดต่อไปเรื่อยๆ
.
ส่วนการทำงานก็อาจจะมีผลต่อครอบครัว ตนเพิ่งแต่งงานแต่ไม่มีเวลาให้ภรรยา หรือไม่ได้เจอกันเพราะเวลาทำงาน ทำให้ว่างไม่ตรงกัน
.
“แฟนผมเคยถามนะ อันนี้มันก็เหนื่อย เจ็บเหมือนกัน เขาถามว่า ทำไมเธอคุยกับคนอื่นตลอด แคร์คนอื่นตลอด เธอไปหาคนอื่นไปหาชาวบ้านได้ตลอดเลย เวลาเขามีเรื่องอะไร พอฉันเธอไม่มีเวลาให้ คือเรารักประชาชนทุกคน แต่เราลืมประชาชนที่อยู่ข้างเราคือแฟนเรา ผมจำได้ คำนี้มันเจ็บปวด ก็เป็นปัญหาชีวิต Midlife Crisis ของคนรุ่นผมนะ คือทำงานเยอะเกินไป เวลาไม่ค่อยมี ก็พยายามจัดแจง”
.
เท่าพิภพ กล่าวทิ้งท้ายว่า ฟังดูเหมือนตนจะบ่น แต่อยากให้ทุกคนมาทำการเมือง เพียงแต่อย่างแรกที่ต้องเตรียมใจ นอกจากอุดมการณ์ที่แน่วแน่ คือชีวิตครอบครัว เราต้องคุยกับคนใกล้ชิดเราให้ดีก่อน เพราะพอเราเป็น ส.ส. เป็นนักการเมือง มันไม่ใช่อาชีพแล้ว มันคือบทบาทมันคือชีวิตเลย ชมคลิปด้านล่าง
