มติชน สมาร์ทบิซ วันที่ 31 ต.ค.2559
ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา (1 ส.ค.-27 ต.ค.) หุ้นที่นักลงทุนต้องวางเงินสดเต็มจำนวนก่อนซื้อหลักทรัพย์ (บัญชีแคชบาลานซ์) แม้ไม่ได้มีจำนวนหลักทรัพย์เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แต่ก็พบว่ามี 13 หลักทรัพย์ที่ติดแคชบาลานซ์ต่อเนื่อง 3 เดือน
โดยแบ่งเป็นบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ (SET) 8 บริษัท ได้แก่ บมจ.คราวน์ เทค แอดวานซ์ (AJD) บมจ.เอแอลที เทเลคอม (ALT) บมจ.ซีเค พาวเวอร์ (CKP) บมจ.ชูไก (CRANE) บมจ. อุตสาหกรรม อีเล็คโทรนิคส์ (EIC) บมจ.บริหารและพัฒนาเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (GENCO) บมจ.ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป (TFG) บมจ.ไทยโพลีคอนส์ (TPOLY) และบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) 5 บริษัท ได้แก่ บมจ.บิสซิเนสอะไลเม้นท์ (BIZ) บมจ.แอลดีซี เด็นทัล (LDC) บมจ.เน็ตเบย์ (NETBAY) บมจ.คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ (QTC) บมจ.วินเทจ วิศวกรรม (VTE)
ทั้งนี้ ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา มีหลักทรัพย์ที่นักลงทุนต้องวางเงินสดเต็มจำนวนก่อนซื้อ ในช่วงเดือน ส.ค., ก.ย.และ ต.ค. จำนวนอยู่ที่ 35, 42 และ 26 หุ้น ตามลำดับ
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ สำนักวิจัยทิสโก้ กล่าวว่า ในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา การเก็งกำไรในหุ้นขนาดกลาง-เล็ก เริ่มปรับตัวลดลง โดยจะเห็นได้จากจำนวนบริษัทที่ติดแคชบาลานซ์ไม่ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าการเก็งกำไรยังคงมีอยู่ และอาจกระจุกตัวอยู่ในบาง บจ. ซึ่งอาจเกิดจากนักลงทุนมีความเห็นว่าบริษัทนั้นๆ มีแนวโน้มที่ดี จึงยอมซื้อในราคาที่แพง
สำหรับช่วงที่เหลือในปีนี้ คาดว่าหุ้นขนาดใหญ่จะมีการซื้อขายที่สูงขึ้นเนื่องจากปัจจัยบวกทั้งแรงซื้อจากกองทุนรวม (LTF) และ (RMF) รวมถึงการปรับน้ำหนักการคำนวณดัชนีของทั้ง MSCI ซึ่งจะประกาศวันที่ 14 พ.ย.นี้ รวมถึงจะมีหุ้นที่ใช้คำนวณในดัชนีหุ้นใหญ่ 50 อันดับแรก (SET50) ช่วงกลางเดือน ธ.ค.นี้ จะส่งผลให้หุ้นที่เกี่ยวข้องมีราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น
