นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ผู้อำนวยการ สคร. ระบุว่า ภายในเดือนธันวาคมนี้ สคร.เสนอคณะรัฐมนตรีอนุมัติการกองทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย หรือไทยแลนด์ ฟิวเจอร์ ฟันด์ เพื่อเปิดขายหน่วยลงทุน โดยคาดว่าวงเงินก้อนแรกที่จะเปิดขายหน่วยลงทุนประมาณ 4 หมื่นล้านบาท มี 3 โครงการนำเข้าไปขายในกองทุน คือ โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สาย 7 กทม.- บ้านฉาง จังหวัดระยอง โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สาย 9 เป็นวงแหวนรอบนอก สายอยุธยา- พัทยา และโครงการทางด่วนสายพระราม 3-ดาวคะนอง
หน่วยลงทุนแบ่งเป็นสองประเภท คือ ประเภท ก. จะเป็นหน่วยลงทุนที่คุ้มครองเงินต้นและกำหนดผลตอบแทนสูงสุด และแบบ ข. คือ หน่วยลงทุนที่ให้ผลตอบแทนขึ้นอยู่กับรายได้ที่โครงการได้รับจริง ซึ่งหากในอนาคตโครงการมีรายได้จากค่าผ่านทางสูง ผู้ถือหน่วยลงทุนแบบ ข. ก็จะได้รับผลตอบแทนสูง แต่หากรายได้จากค่าผ่านทางต่ำ ก็จะได้รับผลตอบแทนต่ำตามไปด้วย คาดว่านักลงทุนส่วนใหญ่จะเลือกลงทุนแบบ ข.มากกว่า เพราะมองว่าในอนาคตผลตอบแทนโครงการน่าจะมีสูงขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจ
โดยเบื้องต้นพบว่า นักลงทุนสถาบันให้ความสนใจที่อยากจะเข้ามาซื้อหน่วยลงทุนมาก เนื่องจากให้ผลตอบแทนที่แน่นอน
