นายอาชนัน เกาะไพบูลย์ อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวในวงเสวนา “เมื่อเศรษฐกิจโลกผันผวน เศรษฐกิจไทยจะไปทางไหน” ว่า ในภาวะที่เศรษฐกิจโลกผันผวน ภาครัฐไม่ควรใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นอย่างที่ผ่านมา แต่ควรจะหันมากระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการลงทุนของภาคเอกชนมากขึ้น โดยเฉพาะภาคธุรกิจที่มีเงินออม ปัจจัยสำคัญคือ ภาครัฐจะต้องเดินหน้าเรื่องของสาธารณูปโภค และต้องส่งสัญญาณให้ชัดเจนว่าสิ่งใดรัฐจะทำเองหรือสิ่งใดจะให้เอกชนดำเนินการ
นอกจากนี้ ประเทศไทยควรจะต้องคิดเรื่องของกองทุนมั่งคั่งแห่งชาติให้ชัดเจน มีวัตถุประสงค์ในการนำเงินไปลงทุนในต่างประเทศ และบริหารโดยมืออาชีพ รวมถึงตั้งเป้าหมายที่ผลตอบแทนเป็นหลัก และปลอดการเมือง
ด้านนายดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายนโยบายเศรษฐกิจการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยปี 2560 จะเติบโตได้ 3.2% ปัจจัยขับเคลื่อนมาจากการลงทุนภาครัฐ ซึ่งหากมีผลไปกระตุ้นการลงทุนของภาคเอกชนได้ จะส่งผลดีต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญ ส่วนการส่งออกก็น่าจะกลับมาฟื้นตัวได้ดีขึ้นจากเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น ความเสี่ยงหลักในปีนี้จะมาจากเศรษฐกิจโลกที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง อย่างไรก็ตาม เสถียรภาพทางเศรษฐกิจการเงินยังอยู่ในระดับที่เข้มแข็ง อัตราการว่างงานและเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ ความเสี่ยงเรื่องของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือการผิดนัดชำระหนี้ตั๋วแลกเงินระยะสั้น หรือ ตั๋วบีอี ยังอยู่ในระดับที่ควบคุมได้
ด้านนายพิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร มองว่า ปี 2560 เป็นปีแห่งความผันผวน ทั้งจากนโยบายของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ และอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำมาตลอด อาจมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น เป็นความเสี่ยงของการลงทุน , การเข้าสู่ภาวะที่การกระตุ้นผ่านนโยบายการเงิน อาจผ่านพ้นจุดสูงสุดไปแล้ว จากการที่สหรัฐฯ , ยุโรป และญี่ปุ่นเปลี่ยนนโยบายการทำ QE ทำให้ไม่มีแรงกระตุ้นอย่างหนักแบบที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังต้องจับตาในเรื่องของ BREXIT และการเลือกตั้งในหลายประเทศ
ในส่วนของสิ่งที่น่ากังวลที่สุด ที่จะเกิดกับประเทศไทยในระยะยาว คือ การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ประชากรที่เป็นกำลังแรงงานจะลดลงทั้งในแง่ของปริมาณและคุณภาพ สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ ภาคเอกชนต้องเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องจักรหรือแรงงาน ขณะที่ภาครัฐต้องต้องดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ และแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างจริงจัง รวมถึงปรับลดขนาดของภาครัฐให้จำกัดขึ้น เพื่อประหยัดทรัพยากรบุคคล
