จากกรณีคนร้ายสวมไอ้โม่ง บุกยิง 2 ผัวเมีย ที่ร้านขายของชำ เลขที่ 488 หมู่ 11 ต.บางตาเถร อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี จนได้รับบาดเจ็บสาหัส เมื่อวันที่ 9 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งนายจำรัส เมฆหมอก อายุ 51 ปี ซึ่งถูกยิงเข้าที่ท้ายทอยเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนนางสมพิศ เมฆหมอก อายุ 48 ปี ที่ถูกยิงเข้าที่หัวไหล่ อาการปลอดภัย
ตำรวจตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่าคนร้าย อายุประมาณ 30-40 ปี โพกผ้า สวมเสื้อเชิ้ตลายสก๊อตแขนสั้น กางเกงสามส่วนลายพรางสีเขียว ขี่รถจักรยานยนต์ยามาฮ่าฟีโน่ สีแดง-ขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ใช้ปืนลูกโม่ก่อเหตุ โดยคนร้ายเดินเข้าไปแล้วใช้ปืนยิงนายจำรัส แล้วหันไปกระหน่ำยิงนางสมพิศ จากนั้นได้กระชากสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท จากนางสมพิศ แล้วหลบหนีไป ซึ่งพบว่าคนร้ายทิ้งเสื้อ และกระสุนปืน ไว้บริเวณริมถนนที่ อ.บางเลน จ.นครปฐม ตามที่เสนอข่าวไปแล้ว
พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. เดินทางมา สภ.บางตาเถร จ.สุพรรณบุรี เพื่อสอบปากคำนายวิรัตน์ มีนุช อายุ 32 ปี หลังถูกจับกุมตัวได้ที่บ้านหลังหนึ่งในหมู่บ้านสะพานลาว หมู่ 5 ต.สหกรณ์นิคม อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี พร้อมของกลางอาวุธปืนลูกโม่ขนาด .38 ลูกกระสุนปืน เสื้อที่ใช้ก่อเหตุ หมวกกันน็อก รองเท้าแตะ รถจักรยานยนต์ 3 คัน รถยนต์เก๋ง 1 คัน สร้อยคอทองคำ 1 เส้น พระเลี่ยมทองหลวงปู่หลิว 1 องค์ เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าต้องการชิงทรัพย์สร้อยคอทองคำและพระเลี่ยมทองเท่านั้น เพราะเห็นว่า ผู้เสียหายใส่ทองจึงลงมือก่อเหตุดังกล่าว
จากการตรวจสอบประวัติพบว่าผู้ต้องหามีประวัติโชกโชนในหลายพื้นที่ หลายคดี ทั้งคดีฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา เมื่อปี 2552 ที่ สภ.โพธิ์แก้ว จ.นครปฐม คดียาเสพติดที่ สภ.โพธิ์แก้ว จ.นครปฐม ปี 2556 อีก 3 คดี คดีพยายามฆ่าผู้อื่น ข้อหาวิ่งราวทรัพย์ ที่ สน.หนองแขม กทม.ข้อหาชิงทรัพย์ ที่ สภ.วังจันทร์ จ.ระยอง และปี 2557 และข้อหาพยายามฆ่า ที่ สภ.โพธิ์แก้ว จ.นครปฐม ซึ่งคนร้ายลงมืออย่างอุกอาจและมีพฤติกรรมที่โหดเหี้ยม เป็นอันตรายต่อสังคม โดยคดีที่ทำการชิงทรัพย์ จะยิงเจ้าทรัพย์และคนใกล้ชิด ก่อนนำทรัพย์ไปทุกครั้ง
ส่วนด้านญาติยังติดใจและเชื่อว่าคนร้ายไม่น่าจะลงมือเพียงแค่ต้องการชิงทรัพย์เท่านั้น เนื่องจากดูภาพจากกล้องวงจรปิด คนร้ายลงมือเหี้ยมโหดมาก ซึ่งก็อยากให้ตำรวจทำการสอบสวนเพิ่ม ว่าต้องการแค่สร้อยคอทองคำอย่างเดียวหรือไม่ เนื่องจากตอนนี้ทางลูกสาว ญาติก็เครียดมาก เพราะหวาดผวากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
