คำถามหนึ่งที่มีคนสงสัยกันมาก คือ ภาวะโลกร้อน (global warming) ส่งผลกระทบต่อพายุหมุนเขตร้อน (tropical cyclone) หรือไม่? อย่างไร?
เนื่องจากคำถามนี้มีประเด็นปลีกย่อยหลายอย่าง จึงขอแยกเป็นประเด็นย่อยให้คมชัดดังนี้ครับ
ประเด็นที่ 1 ) จำนวนพายุหมุนเขตร้อนโดยรวมของโลกในแต่ละปีมีแนวโน้มลดลง อันเนื่องมาจากภาวะโลกร้อน
ข้อสรุปนี้ได้มาจากงานวิจัยชื่อ Declining tropical cyclone frequency under global warming (ความถี่ในการเกิดพายุหมุนเขตร้อนลดลงอันเนื่องมาจากภาวะโลกร้อน) ซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Nature Climate Change volume 12 หน้า 655-661 [1]
งานวิจัยดังกล่าวระบุว่า หากใช้จำนวนพายุหมุนเขตร้อนในช่วงปี ค.ศ.1850-1900 เป็นค่าอ้างอิงเพื่อเปรียบเทียบ จะพบว่าในช่วงปี ค.ศ.1900-2012 จำนวนพายุหมุนเขตร้อนโดยรวมทั้งโลกลดลงราว 13%
ทั้งนี้ หากคิดเฉพาะช่วงปี ค.ศ.1950-2012 จำนวนพายุหมุนเขตร้อนโดยรวมจะลดลงถึง 23% โดยมีข้อสังเกตช่วงปี ค.ศ. 1950 คือช่วงเวลาที่่อุณหภูมิเฉลี่ยของบรรยากาศโลกเริ่มเพิ่มสูงขึ้นจนสังเกตเห็นได้ชัด
ประเด็นที่ 2 ) หากแบ่งพื้นที่ในมหาสมุทรออกเป็น 7 บริเวณ จะพบว่ามี 6 บริเวณมีจำนวนพายุหมุนเขตร้อนลดลง ส่วนอีก 1 บริเวณมีจำนวนดังกล่าวเพิ่มขึ้น
งานวิจัยที่กล่าวถึงในประเด็นที่ 1 แบ่งพื้นที่ในมหาสมุทรที่พายุหมุนเขตร้อนก่อตัวออกเป็น 7 บริเวณ ดังนี้
(1) North Indian – มหาสมุทรอินเดียตอนเหนือ
(2) South Indian – มหาสมุทรอินเดียตอนใต้
(3) Western North Pacific – มหาสมุทรแปซิฟิกตอนเหนือฝั่งตะวันตก
(4) Eastern North Pacific – มหาสมุทรแปซิฟิกตอนเหนือฝั่งตะวันออก
(5) Australia region – มหาสมุทรแถบทวีปออสเตรเลีย
(6) South Pacific – มหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้
(7) North Atlantic – มหาสมุทรแอตแลนติกตอนเหนือ

ทั้งนี้พบว่า ในช่วงปี ค.ศ.1900-2012 พื้นที่ (1)-(6) มีแนวโน้มเกิดพายุหมุนเขตร้อนลดลง ในขณะที่พื้นที่ (7) คือ North Atlantic หรือมหาสมุทรอินเดียตอนเหนือ มีแนวโน้มเกิดพายุหมุนเขตร้อนลดลงในช่วงแรกคือ ค.ศ. 1900-1950 แต่พอถึงช่วงหลังคือ ปี ค.ศ. 1950-2012 จำนวนพายุหมุนเขตร้อนกลับมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น (จะได้อธิบายต่อไปในข้อ 4)
ประเด็นที่ 3 ) จำนวนพายุหมุนเขตร้อนที่ลดลงเกิดจากภาวะโลกร้อน
การก่อตัวของพายุหมุนเขตร้อนมีปัจจัยหลายอย่างเกี่ยวข้อง ปัจจัยที่สำคัญ ได้แก่
(1) อุณหภูมิพื้นผิวของมหาสมุทรต้องสูงน้อยค่าหนึ่ง คืออย่างต่ำ 27 องศาเซลเซียส [2] (บางแหล่งข้อมูลอาจให้ค่าต่างไปจากนี้เล็กน้อย เช่น 26.5 องศาเซลเซียส)
(2) ลมเฉือนในแนวดิ่ง (vertical wind shear) ต้องไม่สูงจนเกินไป
(3) อากาศต้องไม่มีเสถียรภาพ (unstable) คือ อากาศตั้งแต่ผิวพื้นมหาสมุทรจนถึงระดับปานกลางของชั้นโทรโพสเฟียร์ต้องมีแนวโน้มยกตัวสูงขึ้นในแนวดิ่ง (ในทางวิชาการใช้ว่า mid-troposphere mass flux คิอ มวลอากาศไหลเข้าสู่ระดับปานกลางของชั้นโทรโพสเฟียรฺ์ )
(4) อากาศในระดับปานปลางของชั้นโทรโพสเฟียร์ต้องมีความชื้นสูงเพียงพอ (ในทางวิชาการมองกลับกัน คือมองว่าอากาศยังขาดไอน้ำอยู่อีกค่าหนึ่งทำให้ยังไม่ถึงจุดอิ่มตัว เรียกว่า saturation deficit หรือ mid-tropheric dryness)
งานวิจัยในประเด็นที่ 1) ได้ผนวกรวมเงื่อนไขในบรรยากาศข้อ (2), (3) และ (4) เป็นดัชนีเดียว เรียกว่า ดัชนี้เชิงประกอบที่ถุกปรับค่า (normalized composite index) หากดัชนี้นี้มีค่ามาก จะหมายถึง พายุหมุนเขตร้อนก่อตัวได้ง่าย แต่หากมีค่าน้อย จะหมายถึ พายุก่อตัวได้ยาก
จากงานวิจัยพบว่า ค่าดัชนีเชิงประกอบที่ถูกปรับค่าดังกล่าวมีแนวโน้มลดลงสอดคล้องกับจำนวนพายุหมุนที่ก่อตัวลดลง
สมมติฐานที่ใช้อธิบายโดยย่อคือ ภาวะโลกร้อนได้ทำให้กระแสการไหลเวียนของอากาศในเซลล์แฮดลีย์ (Hadley cell) และเซลล์วอล์คเกอร์ (Walker cell) อ่อนกำลังลง ส่งผลให้มีความชื้นที่ไหลเข้าสู่บรรยากาศชั้นโทรโพสเฟียร์ระดับกลางลดลง พายุหมุนเขตร้อนจึงก่อตัวได้ยากขึ้น
ประเด็นที่ 4 ) ข้อสมมติฐานเพื่ออธิบายการเพิ่มขึ้นของจำนวนพายุหมุนเขตร้อนในพื้นที่ North Atlantic
เหตุใดพื้นที่ North Atlantic หรือแถบมหาสมุทรแอตแลนติกตอนเหนือ จึงมีแนวโน้มสวนทางกับพื้นที่ส่วนอื่นๆ ของโลก?
งานวิจัยเสนอคำอธิบายไว้ 2 อย่าง ได้แก่
(1) ปัจจัยตามธรรมชาติ: การแกว่งกวัดของภูมิอากาศที่เรียกว่า AMO หรือ Atlantic Multidecadal Oscillation อยู่ในเฟสแบบ “อุ่น” กล่าวคืออุณหภูมิพื้นผิวของมหาสมุทรอุ่นกว่าค่าเฉลี่ย
(2) ปัจจัยที่เกิดจากมนุษย์: ปริมาณละอองลอย (aerosol) ในบรรยากาศแถบนี้ลดลง อันเป็นผลมาจากการประกาศใช้ภฏหมายควบคุมอากาศที่เรียกว่า Clean Air Act น่ารู้ด้วยว่าละอองลอยในปริมาณที่มากมีผลทำให้โลกเย็นลงเล็กน้อย

ประเด็นที่ 5 ) แง่มุมสำคัญอื่นๆ ของแนวโน้มของพายุหมุนเขตร้อนที่ควรทราบ
พายุหมุนเขตร้อนยังมีแง่มุมอื่นๆ ที่สำคัญ ตรงนี้ขอให้ข้อมูลโดยสรุปไว้ก่อน ดังนี้
> แม้ว่าพายุหมุนเขตร้อนจะเกิดขึ้นน้อยลง แต่พายุลูกที่เกิดขึ้นจะมีแนวโน้มเป็นพายุที่รุนแรงมากขึ้น หมายความว่า เราจะมีโอกาสพบกับเฮอร์ริเคนระดับ 4 หรือระดับ 5 (ระดับสูงสุด) หรือ ซูเปอร์ไต้ฝุ่น ในความถี่ที่บ่อยขึ้นกว่าที่ผ่านมา
> พายุแต่ละลูกมีแนวโน้มที่จะให้ปริมาณน้ำฝนมากขึ้น ทั้งนี้เนื่องมาจากเมื่อโลกร้อนขึ้น น้ำจะระเหยมากขึ้น ทำให้พายุอุ้มน้ำไว้มากขึ้นตามไปด้วย จากการศึกษาด้วยแบบจำลองพบว่า หากโลกร้อนขึ้น 2 องศาจากค่าอ้างอิงในยุคก่อนการปฏิวัติอุตสาหกรรม พายุเฮอร์ริเคนจะมีปริมาณฝนเพิ่มขึ้น 10-15% [3]
> พายุหมุนเขตร้อนโดยรวมเคลื่อนที่ช้าลง ประเด็นนี้ได้มาจากข้อมูลจากการสังเกต และยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่การจำลองด้วยคอมพิวเตอร์ให้ผลลัพธ์สอดคล้องกับข้อมูลนี้ [3]
เรื่องราวเกี่ยวกับพายุหมุนเขตร้อนยังมีแง่มุมสำคัญและน่าสนใจอีกมาก ไว้ผมจะทยอยนำเสนอต่อไปครับ
———————————————-
โปรดอย่าลืมกดติดตามเพจของ MIC ได้ที่ : Facebook MatichonMIC
อ้างอิง คลิก