หากคุณอยากเป็นเจ้าของกิจการสักกิจการ แต่มีเงินทุนไม่มากพอ เรามีวิธีหนึ่งที่จะทำให้คุณเป็นเจ้าของกิจการนั้นได้ นั้นคือการ “ลงทุนหุ้น” นั้นเอง แต่การเล่นหุ้นสำหรับนักลงทุนมือใหม่อย่างเราก็คงไม่ใช่เรื่องง่ายแน่นอน ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มต้นอย่างไร ต้องซื้อตัวไหน และอ่านค่าต่างๆอย่างไร วันนี้เรามาหาคำตอบเหล่านี้กันค่ะ
หุ้น คือ ตราสารที่กิจการออกให้แกผู้ถือ เพื่อระดมเงินทุนใช้ในกิจการโดยผู้ถือหุ้นมีฐานะเป็นเจ้าของกิจการนั้นๆ จึงมีส่วนได้หรือสิทธิในทรัพย์สินและรายได้ในกิจการนั้นๆด้วย เมื่อมีกำไรจะได้ผลตอบแทนเป็นเงินปันผล และถ้ากิจการดำเนินการดี ราคาหุ้นเติบโตก็จะได้กำไรจากส่วนต่างราคาได้ด้วย
ราคาหุ้นมีขึ้นมีลงได้อย่างไร
โดยปกติแล้วกิจการทั่วไปจะมีมูลค่าจริง ซึ่งปัจจัยที่เป็นตัวกำหนดมูลค่าจริงนั้นเกิดจาก ผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับ กับ ความเสี่ยงของบริษัทที่ต้องเผชิญ โดยสามารถมาได้จากผลของเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม ไปจึงถึงการดำเนินงานของบริษัทนั้นด้วย และเมื่อหุ้นเข้าไปอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แล้วก็จะเข้าสู้กลไกทางตลาด โดยที่มีแรงซื้อและแรงขายเป็นตัวแปรในการที่ตลาดหุ้นมีราคาขึ้นลง อาจจะมีราคาที่สูง ราคาต่ำ หรือเท่ากับมูลค่าจริงก็ได้ ซึ่งเราสามารถดูภาพรวมการซื้อขายหุ้นได้จาก “ดัชนีราคาหุ้นตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย” หากดัชนีราคาหุ้นเป็นสีเขียว มูลค่าตลาดวันนี้จะสูงกว่าวันก่อน และหากดัชนีราคาหุ้นเป็นสีแดง มูลค่าตลาดวันนี้ต่ำกว่าวันก่อน
เมื่อเราทำความรู้จักกับตัวหุ้นและราคาหุ้นไปแล้ว เราก็สามารถเริ่มลงทุนในหุ้นได้ตามขั้นตอนดังนี้
- กำหนดเป้าหมายและระยะการลงทุน
เมื่อเป้าหมายและระยะเวลาในการลงทุนแตกต่างกัน ก็ทำให้มีผลต่อผลตอบแทนความเสี่ยง และสไตล์การลงทุนที่แตกกัน ดังนั้นเราควรตั้งเป้าหมายและกำหนดระยะเวลาให้ชัดเจนก่อนลงทุนเพื่อให้ได้ผลตอบแทนตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
- วิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน
ทุกๆการลงทุนเราควรที่จะวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานก่อนดูภาพรวมว่ามีผลกระทบอย่างไรต่อกิจการนั้นๆ ทั้งภาพรวมเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม ว่ามีผลต่อการขึ้นลงหรือไม่ และที่สำคัญคือบริษัทว่ามีการดำเนินงานและความสามารถในการทำกำไรได้มากน้อยแค่ไหน - ประเมินมูลค่าที่แท้จริง
การประเมินนี้เพื่อดูว่าหุ้นนั้นมีราคาถูกหรือแพง คุ้มค่าที่จะซื้อหรือไม่ โดยหุ้นที่เลือกลงทุนควรมีราคาตลาดไม่แพงไปกว่า มูลค่าที่แท้จริง กล่าวคือ
- หาก มูลค่าที่แท้จริง > ราคาตลาด ณ ปัจจุบัน “ควรซื้อ”
- หาก มูลค่าที่แท้จริง < ราคาตลาด ณ ปัจจุบัน “ควรขาย”
ปัจจุบันโบรกเกอร์ต่างๆ ได้การจัดทำ “บทวิเคราะห์หุ้น” ซึ่งเป็นข้อมูล อัปเดต ทันต่อเหตุการณ์ มีส่วนของข้อมูลที่เป็นเรื่องราวล่าสุดของบริษัท รวมถึงส่วนที่เป็นการประเมิน มูลค่าหุ้นด้วย ทั้งนี้ผู้ลงทุนควรอ่านข้อมูลบทวิเคราะห์อย่างละเอียดก่อนว่าสมควรหรือไม่ และไม่มองเพียงแค่ผลลัพธ์ที่จะได้เท่านั้น
- หาจังหวะลงทุนที่เหมาะสม
การลงทุนนั้นต้องอาศัยข้อมูลราคาหุ้นในอดีต ปริมาณการซื้อขายตลอดจนนำเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคและอินดิเคเตอร์ต่างๆ เพื่อนำมาดูทิศทางราคาหุ้นในอนาคต และกำหนดกลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสม
- ตัดสินใจซื้อ – ขายหุ้น
การเปิดบัญชีกับบริษัทหลักทรัพย์ที่เหมาะกับตนเองนั้นต้องเตรียมเอกสารประกอบการเปิดบัญชี ได้แก่ - สำเนาบัตรประชาชน
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- สำเนาใบแจ้งรายการบัญชีธนาคารย้อนหลัง 6 เดือน เมื่อมีบัญชีแล้ว จึงจะสามารถส่งคำสั่งซื้อหรือขายหุ้นได้โดยผ่าน 2 ช่องทาง คือ
– ส่งคำสั่งผ่านผู้ติดต่อผู้ลงทุน
– ส่งคำสั่งแบบออนไลน์ด้วยตนเอง - ติดตามผลงานการลงทุน
เมื่อเราได้ลงทุนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เราต้องติดตามผลในทุกๆ 3 – 6 เดือนหรือ 1 ปี ว่าสิ่งที่เราลงทุนไปนั้นเป็นไปตามแผนที่เราตั้งไว้หรือไม่ ถ้าหากไม่เป็นไปตามแผน เราควรปรับพอร์ตการลงทุนทันที
เมื่อรู้ขั้นตอนการเริ่มเล่นหุ้นแบบนี้แล้ว นักลงทุนมือใหม่คงอยากไปเปิดหุ้นกันแล้วใช่ไหมคะ แต่ทุกครั้งที่จะซื้อขายหรือลงทุนอะไรเพิ่มควรศึกษาการลงทุนอย่างละเอียดและตรวจดูความเสี่ยงของหุ้นนั้นๆ เพื่อไม่ให้เราเสี่ยงในการลงทุนมากเกินไปนะคะ ซึ่งสามารถศึกษา วิธีเริ่มลงทุนในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัวต้องทำอย่างไร