กสิกรไทยแนะจับตา20มิย. กนง.อาจส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยปลายปีนี้

รายงานข่าวจาก ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 1.50% ต่อเนื่องในการประชุม กนง. รอบครั้งที่ 4/2561 ในวันที่ 20 มิถุนายนนี้ แต่จุดสนใจของการประชุมในรอบนี้คงอยู่ที่การประเมินสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในระยะข้างหน้า ทั้งนี้ หากพัฒนาการเศรษฐกิจยังคงรักษาเกณฑ์การฟื้นตัวที่ดีเหมือนในช่วงที่ผ่านมา กนง. อาจจะมีการพิจารณาทบทวนถึงความจำเป็นในการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินเพื่อให้มีความสอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจไทย รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของภาพตลาดการเงินของโลกในระยะข้างหน้า ซึ่งธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) การส่งสัญญาณถึงโอกาสที่มีมากขึ้นในการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายรวม 4 ครั้งในปี 2561 นี้ ในขณะที่ธนาคารกลางยุโรป(อีซีบี) มีการส่งสัญญาณถึงการเตรียมปรับลดขนาดของมาตรการเข้าซื้อสินทรัพย์ในเดือนกันยายน 2561 ก่อนที่จะหยุดโครงการซื้อสินทรัพย์ในเดือนธันวาคม 2561 นี้และอีซีบีส่งสัญญาณนโยบายการเงินตึงตัวมากขึ้น กลายเป็นอีกตัวแปรที่สำคัญที่จะมีผลต่อความผันผวนของการเคลื่อนย้ายเงินทุนโลกในช่วงปลายปีนี้ จะเป็นปัจจัยที่กระตุ้นให้สภาพคล่องในระบบตลาดการเงินมีโอกาสที่จะตึงตัวมากขึ้นโดยเฉพาะในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2561 และอาจสร้างความผันผวนรอบใหม่ได้

“ทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินที่มีความแตกต่างกันมากขึ้นระหว่างไทยและสหรัฐฯ น่าจะกดดันให้เกิดการไหลออกของเงินทุนจากไทย และกดดันให้ค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าได้ คงต้องยอมรับว่าโครงสร้างของตลาดการเงินไทยนั้นมีความเกี่ยวเนื่องกับอัตราดอกเบี้ยในต่างประเทศมาก ดังนั้น ในสถานการณ์ที่ทิศทางของการดำเนินนโยบายการเงินของไทยและสหรัฐเกิดขึ้นในจังหวะที่ไม่สอดประสานกัน อาจจะส่งผลให้สมดุลในตลาดการเงินเปลี่ยนไป และเกิดความบิดเบือนในตลาดการเงิน โดยหากสภาพคล่องดอลลาร์สหรัฐ ในตลาดไทยปรับลดลงอย่างมีนัยสำคัญ จะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยในตลาดการเงินบางตัวอยู่ในระดับต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งความไม่สมดุลดังกล่าวอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพของการใช้เครื่องมือทางการเงินและอาจเปิดช่องให้เกิดกิจกรรมในการเก็งกำไรเกิดขึ้นได้ อันจะเป็นปัจจัยที่ก่อให้เกิดความผันผวนในตลาดการเงิน” รายงานข่าวฯ ระบุ

รายงานข่าวฯ ระบุอีกว่า หากพัฒนาการของเศรษฐกิจไทยยังคงรักษาระดับการฟื้นตัวในเกณฑ์ที่ดีเหมือนในช่วงที่ผ่านมา กนง. อาจจะมีการส่งสัญญาณถึงการเปลี่ยนแปลงทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินล่วงหน้า ซึ่งน่าจะช่วยให้ตลาดการเงินสามารถปรับตัวเพื่อลดผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจจริงให้มีน้อยที่สุด ทั้งนี้ คงต้องยอมรับว่าด้วยพัฒนาการของเศรษฐกิจไทยในช่วงที่ผ่านมามีพัฒนาการปรับดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงการดำเนินนโยบายที่เป็นปกติมากขึ้นย่อมมีความเหมาะสม โดยการส่งสัญญาณถึงโอกาสที่การดำเนินนโยบายการเงินในระยะข้างหน้าภายใต้เงื่อนไขที่โมเมนตัมการฟื้นตัวยังสามารถประคองตัวในเกณฑ์ที่ดีในระยะข้างหน้า จะช่วยให้ภาคเศรษฐกิจจริงมีเวลาปรับตัวในการรับมือกับทิศทางของการดำเนินนโยบายการเงินที่คงจะตึงตัวมากขึ้นในระยะข้างหน้า อีกทั้ง ยังเป็นการกระตุ้นให้ตลาดมีการประเมินความเสี่ยงใหม่อีกครั้ง อันน่าจะช่วยลดทอนผลกระทบเชิงลบให้เหลือน้อยที่สุด หาก กนง. ตัดสินใจปรับเปลี่ยนการดำเนินนโยบายการเงินในระยะข้างหน้า นอกจากนี้ ยังเป็นการช่วยป้องกันความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นจากการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินอย่างฉับพลัน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image