นายธัชพล กาญจนกูล ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ (กคช.) เปิดเผยว่า วันที่ 9 กรกฎาคมนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานเปิดโครงการชุมชนเมืองดินแดง เฟสแรก (แปลง G) เป็นอาคารสูง 28 ชั้น จำนวน 334 ยูนิต อย่างเป็นทางการพร้อมมอบกุญแจให้กับผู้อยู่อาศัยในอาคารเดิมที่จะซึ่งจะทยอยย้ายเข้าในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคมนี้ ทั้งนี้ ตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ของรัฐบาล กคช.ได้ร่วมมือกับบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ศึกษาและพัฒนาระบบบ้านอัจฉริยะ หรือสมาร์ทโฮม นำร่องในโครงการนี้เพื่อยกระดับเป็นสมาร์ทซิตี้ โดยนำนวัตกรรม เทคโนโลยี และอินเตอร์เน็ตแบบครบวงจรมาเพิ่มศักยภาพของที่อยู่อาศัย ชุมชน และเมืองให้เกิดความปลอดภัย ความสะดวกสบาย และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ในด้านสมาร์ทซีเคียวริตี้ สามารถติดตามระบบรักษาความปลอดภัยที่พักและพื้นที่ส่วนกลาง มีระบบสมาร์ทดอร์ล็อก เป็นต้น สมาร์ทเอนเนอร์จี้ สามารถสั่งเปิดปิดไฟและเครื่องใช้ไฟฟ้าได้ สมาร์ทออฟฟิศ นำมาให้บริหารระหว่างนิติบุคคลอาคารและผู้อยู่อาศัย ทำให้สามารถติดตามและรับข้อมูลข่าวสาร หรือแจ้งเหตุขัดข้องได้ตลอดเวลา สมาร์ทเอ็นไวรอนเมนต์ เพิ่มพื้นที่สีเขียวและสภาพแวดล้อมที่ดีในโครงการ เป็นต้น เบื้องต้นจะให้ทดลองใช้ฟรีและจะมีการเก็บค่าบริการในระยะต่อไปแต่ค่าบริการจะไม่สูงมากนัก ทั้งนี้จะมีการต่อยอดนำไปใช้ในโครงการอื่นๆ ที่ กคช.พัฒนาด้วย
นายนพดล ว่องเวียงจันทร์ รองผู้ว่าการ กคช.กล่าวว่า หลังจากที่ผู้อยู่อาศัยย้ายเข้าอาคารใหม่ จะมีการทุบอาคารเดิม เพื่อดำเนินการตามแผนการพัฒนาโครงการชุมชนเมืองดินแดง ในเฟสที่ 2 (แปลง A และ D1) พัฒนาเป็นอาคารสูง 28-35 ชั้น 2 อาคาร จำนวน 1,200 ยูนิต เพื่อรองรับผู้อยู่อาศัยเดิม โดยอยู่ระหว่างการจัดทำประกาศข้อกำหนดของโครงการเพื่อการประกวดราคา (ทีโออาร์) คาดว่าจะสามารถเซ็นสัญญาได้ในช่วงเดือนกันยายนนี้ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการจะทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีโอเอ) คาดว่าจะผ่านใกล้เคียงกับช่วงที่เซ็นสัญญาผู้รับเหมา ซึ่งจะทำให้สามารถดำเนินการก่อสร้างได้ทันที ส่วนเฟส 3 และ 4 จะเปิดให้เอกชนเข้ามาร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (พีพีพี) ซึ่งจะพัฒนารองรับผู้อยู่อาศัยใหม่
นอกจากนี้ ความคืบหน้าโครงการพีพีพีที่ กคช.ดำเนินการอยู่ ได้แก่ โครงการเชิงพาณิชย์ ที่ดินแปลงว่างเนื้อที่ประมาณ 52 ไร่ ในโครงการเคหะชุมชนเชียงใหม่ (หนองหอย) จะเสนอรายละเอียดต่อที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) กคช.ภายในเดือนนี้ ก่อนจะเสนอต่อสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เพื่อพิจารณา คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในปี 2562 โดยมีเอกชนให้ความสนใจหลายราย ส่วนโครงการศึกษาความเป็นไปได้การพัฒนาที่อยู่อาศัยสวัสดิการข้าราชการ และโครงการเชิงพาณิชย์บนที่ดินแปลงว่างเนื้อที่ประมาณ 136 ไร่ อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ และโครงการศึกษาความเป็นไปได้การพัฒนาที่อยู่อาศัยสวัสดิการข้าราชการ และโครงการเชิงพาณิชย์บนที่ดินแปลงว่างเนื้อที่ประมาณ 118 ไร่ อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี เป็นต้น ได้ศึกษารายละเอียดแล้วเสร็จและจะมีการนำเสนอบอร์ดต่อไป
