นายกฯ ขอบคุณทุกประเทศ ช่วยทีมหมูป่า ปลื้ม”อีลอน มัสก์”ยื่นมือช่วย เตรียมใบประกาศมอบทุกคน

เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวว่า สำหรับการช่วยเหลือที่หมูป่าอะคาเดมี หลังจากนี้จะเชิญต่างชาติมาถอดบทเรียนในการช่วยเหลือหรือไม่นั้น ที่ผ่านมาก็มีการถอดบทเรียนอย่างต่อเนื่อง โดยมีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ความคิดเห็น แนวทางปฎิบัติที่เหมาะสม มาปรับปรุงเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์จริง ทั้งนี้ ถ้ำในประเทศไทยแตกต่างจากต่างประเทศพอสมควร โดยเฉพาะถ้ำหลวง ที่เป็นทางน้ำ มีน้ำที่ไหลลงมาจากข้างบน ดังนั้นในเหตุการณ์นี้ทุกคนจึงเรียนรู้ไปด้วยกัน ต่างชาติเองก็ไม่เคยเห็นถ้ำในลักษณะนี้ อย่างไรก็ตาม ต่างชาติได้ชื่นชมว่านักดำน้ำไทยและหน่วยซีล มีประสิทธิภาพ เก่ง มีความเข้มแข็ง ไม่จำเป็นต้องมาวิจารณ์กันว่า ใครพบทีมหมูป่าฯก่อนกัน เพราะถือเป็นการทำงานร่วมกัน เมื่อเจอก็ถือว่าเจอด้วยกัน ไม่ใช่ว่าใครเก่งกว่าใคร เพราะต่างชาติเองก็ยอมรับในฝีมือของเรา

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สำหรับแนวทางการฟื้นฟูพัฒนาถ้ำหลวงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวนั้น จำเป็นต้องทำให้เกิดความปลอดภัย เพื่อที่วันหน้าจะได้พัฒนาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง โดยต้องหามาตรการป้องกันการเข้าออก ไม่ควรเข้าไปในฤดูน้ำ อีกทั้งยังต้องมีมาตรการอื่นๆเหมือนกับต่างประเทศ เช่น ระบบไฟฟ้า ระบบแจ้งเตือน บันได ป้ายแจ้งเตือน เป็นต้น เชื่อว่าสถานที่แห่งนี้จะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงในอนาคต และได้ย้ำไปยังหน่วยงานในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็น อบต.อบจ.เทศบาล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้หามาตรการที่เหมาะสม เพื่อรองรับการท่องเที่ยวในอนาคต

นายกฯ กล่าวว่า เรื่องถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ตอนนี้ยังมีมาตรการห้ามไม่ให้เข้า เพราะต้องมีการสำรวจทางเข้า-ทางออก ดูว่าตรงไหนปลอดภัย ไม่ปลอดภัยต้องมีช่องทางที่เซฟได้ ในเรื่องเวลาเปิดถ้ำ ปิดถ้ำ ก็กรุณาดูด้วย เจ้าหน้าที่ก็ต้องไปอยู่ประจำในช่วงหน้าที่อันตราย ติดป้ายอย่างเดียวคงไม่ได้ เพราะคนไทยพอหันป้ายกลับก็มองไม่เห็นป้ายแล้ว ต้องติดป้ายที่หมุนไม่ได้ มีทั้งภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ติดให้ครบ หน้าไหน เวลาไหน การที่จะไปถ้ำจะต้องมีการติดต่อเจ้าหน้าที่ก่อน ถ้าเป็นถ้ำที่เปิดทั่วไปสามารถไปได้ แต่หากเป็นถ้ำที่เป็นลักษณะนี้ก็ต้องขออนุญาตเจ้าหน้าที่เข้าไปก่อน ไม่อย่างนั้นเจ้าหน้าที่ไม่รู้ เพราะมีระยะทางไกล

พล.อ.ประยุทธ์ เปิดเผยว่า ในระหว่างเดินทางที่ถ้ำหลวง เมื่อคืนวันที่ 9 กรกฎาคมที่ผ่านมา ตนพูดคุยกับนายอีลอน มัสค์ นักธุรกิจผู้นำด้านเทคโนโลยีชื่อดัง และทีมงาน 5 คน ที่เสนอตัวช่วยเหลือ ส่วนตัวชื่นชมนายอีลอน มัสค์ ตั้งแต่ที่เห็นโพสต์ข้อความแสดงความจริงใจในการช่วยเหลือ นายอีลอน มัสก์ ถือเป็นคนหนุ่มที่ประสบความสำเร็จ โดยระบุว่าพร้อมจะช่วย หากทางการไทยมีความต้องการ ทั้งนี้ นายอีลอน มัสก์ ชื่นชมการทำงานของเราโดยเชื่อว่าจะควบคุมสถานการณ์ได้ และคิดอุปกรณ์ที่ได้รับจากนายอีลอน มัสก์ คือแคปซูลที่สามารถบรรจุคน เป็นประโยชน์อย่างมาก โดยเราจะนำมาทดลอง แม้จะไม่ได้ใช้ในสถานการณ์นี้ แต่ก็สามารถที่จะเก็บไว้ใช้ในสถานการณ์อื่นได้

Advertisement

“เราได้จับไม้จับมือพูดคุยทำความเข้าใจ ทำให้ชอบพอกัน และผมได้พูดให้ฟังว่าประเทศไทยเราได้ทำอะไรไปบ้าง เขาบอกว่าไม่เคยเห็นสถานการณ์แบบนี้ เขาพร้อมที่จะช่วยเหลือ และเครื่องมือที่เขาให้มา ก็มีประโยชน์ ซึ่งผมเห็นว่าสามารถช่วยเหลือคนที่จะติดอยู่ในถ้ำหรือลำน้ำต่างๆ ซึ่งเขาเข้าใจทุกอย่าง เมื่อวานเขาก็ได้ไปดูสถานที่จริง โดยเดินเข้าไปยังห้องโถงของถ้ำ และคงเกิดความคิดมากมายที่จะผลิตผลิตภัณฑ์ต่างๆ นอกจากนี้ผมยังได้พูดคุยถึงโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษ การเชื่อมโยง นวัตกรรม และเขาก็สนใจ โดยบอกว่าถ้ามีเวลาก็จะบินกลับมาอีกครั้ง ผมได้บอกเขาว่า ผมรับเขาเป็นเพื่อนผม ในเมื่อเขายินดีที่จะช่วยประเทศไทย ผมก็ยินดีที่จะให้เขารู้สึกว่าประเทศไทยเป็นบ้านหลังที่สอง เขาก็ดีใจ เรายินดีต้อนรับเขา อะไรดูแลได้ ก็จะดูแลตอนนี้ประเทศไทยกำลังเตรียมการสร้างดาวเทียมของตัวเอง สอดคล้องกับที่เขา มีธุรกิจสร้างดาวเทียม เราต้องมองถึงประโยชน์ในเรื่องนี้ด้วย อย่างไรก็ต้องขอบคุณเขา ที่เขามีน้ำใจ จากที่คุยกันเขาก็รักผมมาหน่อย ”

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า มีนักดำน้ำชาวต่างชาติเข้ามาช่วยในเหตุการณ์ครั้งนี้ทั้งหมดประมาณ 47 คน และการเดินทางไปเชียงรายเมื่อวานนี้ ก็ได้พบประกับทุกคน โดยได้ไปขอบคุณ สวัสดีและกอดคอ เพื่อแสดงให้เห็นว่าทุกคนคือเพื่อนของเรา การไปครั้งนี้ ไม่ใช่เพื่อไปแสดงตนเป็นพระเอก แต่ต้องการไปขอบคุณผู้ที่ทำงาน โดยได้มีโอกาสพบซีลที่ออกจากถ้ำ ผู้ว่าราชการจังหวัดและทีมงาน และคาดหวังว่าการทำงานในวันนี้จะเสร็จเรียบร้อยได้ จากที่เหลืออยู่ในถ้ำ 5 คน ซึ่งเราจะเห็นว่าการนำเด็กออกมาจากถ้ำนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย ใช้เวลาหลายชั่วโมง เพราะต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์น้ำด้วย

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ความสำเร็จครั้งนี้เป็นผลมาจากความร่วมมือของทุกฝ่าย ทั้งคนไทยและต่างประเทศ และตนได้ทำหนังสือในนามของนายกรัฐมนตรี เพื่อขอบคุณประเทศต่างๆ ไปยังผู้นำของแต่ละประเทศแล้ว และยังทำประกาศนียบัตร มอบให้เจ้าหน้าที่ที่มาช่วยเหลือทุกคน พร้อมได้มอบหมายให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา อำนวยความสะดวกหากผู้ที่มาช่วยเหลือครั้งนี้ ต้องการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทย อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มาช่วยเหลือ ต่างไม่ต้องการอะไร ไม่เคยเรียกร้องอะไรเลย เพราะทุกประเทศทั่วโลกต่างชื่นชมปฏิบัติการครั้งนี้ หลายประเทศแปลกใจ เพราะไม่คาดคิดว่าจะสามารถนำเด็กออกมา โดยผ่านเส้นทางน้ำได้ นี่คือความภาคภูมิใจของเราทุกคน นี่คือตัวอย่างการแก้ไขปัญหาภัยพิบัติโดยรัฐบาล ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ซึ่งนายกฯไม่จำเป็นต้องลงไปสั่งการเอง แต่สามารถมอบหมายให้หน่วยงาน เช่น กระทรวงมหาดไทย ที่มี กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รับผิดชอบ

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image