ผบ.กองเรือฯ ต้อนรับซีล 159 นายอบอุ่น ด้าน ผบ.หน่วยซีลเผยนาทีรับแจ้งระดมพลช่วย 13 หมูป่า (คลิป)

เมื่อเวลา 13.50 น.วันที่ 12 กรกฎาคม พล.ร.อ.นริศ ประทุมสุวรรณ ผู้บัญชาการทหารเรือ มอบหมายให้ พล.ร.อ.รังสฤษดิ์ สัตยานุกูล ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ เป็นผู้แทนกองทัพเรือ ให้การต้อนรับชุดปฎิบัติการพิเศษนักทำลายใต้น้ำจู่โจมกองทัพเรือ โดยหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ (หน่วยซีล) กองเรือยุทธการ และกำลังพลของกองทัพเรือ รวมทั้งสิ้น 159 นาย นำโดย พล.ร.ต.อาภากร อยู่คงแก้ว ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ ที่ไปปฏิบัติภารกิจค้นหาทีมฟุตบอลหมูป่าอะคาเดมี รวมทั้ง โค้ช รวม 13 คน ที่สูญหายภายในถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน อ.แม่สาย จ.เชียงราย สามารถช่วยเหลือออกมาได้ทั้ง 13 คนอย่างปลอดภัย โดยความร่วมมือจากทุกฝ่ายทั้งชาวไทย และต่างประเทศ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ท่ามกลางการต้อนรับจากคณะนายทหารเรือตั้งแถวกองเกียรติยศ เจ้าหน้าที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ อ.สัตหีบ กำนันผู้ใหญ่บ้าน สมาคมแม่บ้านภริยาทหารเรือ ครอบครัวของหน่วยซีล และประชาชนมารอรับพร้อมมอบดอกไม้อย่างสมเกียรติ บริเวณกองการบินทหารเรือ อ.บ้านฉาง จ.ระยอง โดย พล.ร.อ.รังสฤษดิ์ สัตยานุกูล ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ ได้ไปรอรับพร้อมมอบพวงมาลัยให้กับชุดปฏิบัติการทุกนาย

สำหรับกำลังพลกองทัพเรือที่ไปปฏิบัติหน้าที่ครั้งนี้จำนวน 159 นาย มีหน่วยซีล จำนวน 127 นาย นำโดย พล.ร.ต.อาภากร อยู่คงแก้ว ผู้บัญชาการหน่วยซีล กองเรือยุทธการ แพทย์เวชศาสตร์ใต้น้ำ กรมแพทย์ทหารเรือ ฯลฯ อีก 32 นาย ออกเดินทางจากสนามบินเชียงรายโดยเครื่องบิน C–130 ของกองทัพอากาศ และเครื่องบินแอมแบร์ ของกองทัพเรือ จากนั้นกำลังพลนั่งรถเข้าไปตรวจสุขภาพที่จุดคัดกรองที่จัดเตรียมไว้

พล.ร.อ.รังสฤษดิ์ กล่าวว่า พิธีต้อนรับ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจกับชุดปฏิบัติการพิเศษนักทำลายใต้น้ำจู่โจมกองทัพเรือ และกำลังพลที่ไปปฏิบัติภารกิจค้นหาทีมหมูป่าอะคาเดมี รวมทั้ง โค้ช รวม 13 คนจนประสบความสำเร็จ

Advertisement

พล.ร.ต.อาภากร กล่าวว่า ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ และคณะนายทหารเรือ ให้การต้อนรับพวกเราอย่างยิ่งใหญ่ สิ่งที่เราทุกคนทำมาได้ทุ่มเททั้งกำลังกายกำลังใจในการปฏิบัติภารกิจจนประสบความสำเร็จ ถือว่าเป็นงานที่ยาก แต่ทุกคนก็ได้ร่วมมือร่วมใจกัน ทำให้ผลที่ออกมามีคุณค่ายิ่งนัก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ร.ต.อาภากร กล่าวอีกว่า “ผมมีความภูมิใจในพวกเราทุกคน” พร้อมกำมือยกขึ้นร้องว่าฮูย่า ฮูย่า ฮูย่า ท่ามกลางเสียงปรบมือดังกึกก้อง

Advertisement

พล.ร.ต.อาภากรกล่าวต่อว่า การทำงานในครั้งนี้ เป็นผลงานที่ประจักษ์ถือว่า งานค่อนข้างยากพอสมควร ส่วนของกำลังพลของกองทัพเรือ ยึดถือตลอดว่าต้องอยู่เคียงข้างประชาชน ทุกครั้งที่มีภัยพิบัติ กองทัพเรือต้องไปถึงพื้นที่ก่อน ในเรื่องนี้เรามียุทโธปกรณ์ และกำลังพล เราเตรียวมการใช้กำลังเพื่อป้องกันประเทศ เมื่อมีภัยพิบัติ ประชาชนได้รับความทุกข์ร้อนเราไม่นิ่งนอนใจ

พล.ร.ต.อาภากรกล่าวอีกว่า ในเรื่องกรณีน้อง 13 ชีวิตที่ถ้ำหลวง ตนได้รับโทรจาก ผบ.กองเรือยุทธการ จำวันไม่ได้ ท่านบอกว่าให้กำลังไปคืนนี้เลย ไม่ต้องรอพรุ่งนี้ เป็นคำสั่งสำคัญ ตนจึงสั่งให้รีบระดมพลของเราไปทำงานนี้โดยด่วน ซึ่งวันนั้นเรามีงานที่ต้องปฏิบัติหลายงาน และกำลังพลของเราต้องไปวันนั้น ซึ่งเป็นคืนวันอาทิตย์ โดยให้ น.อ.อนันท์ สุราวรรณ์ ส่งกำลังไปประมาณ 02.00 น.และประมาณ 04.00 น.กว่าๆ เข้าพื้นที่ลงไปในถ้ำ ด้วยความทุ่มเทตามที่เราได้รับคำสั่ง ต้องปฏิบัติภารกิจให้สำเร็จ แม้จะได้เจออุปสรรคต่างๆ มากมาย

“อย่างไรก็ตาม เมื่ออุปสรรคอยู่ตรงหน้า และเราไม่ท้อถอย เราบอกว่า เราสู้ เมื่อสู้แล้วกำลังใจเยอะ เพียบเลย มีคนพร้อมสนับสนุนเราให้สู้ ภาวะนั้นคนที่สามารถเข้าไปได้ ต้องมีหน่วยซีล เป็นกำลังพลของ ทร.หน่วยเดียวที่สามารถเขาพื้นที่นั้นได้ เราจึงต้องเป็นหัวหมูทะลวงฟัน และมีกำลังข้างหลังเยอะมาก เพื่อนพ้องน้องพี่ รวมทั้ง ผู้ที่ปลดประจำการไปแล้วเข้ามาสนับสนุนเต็มที่่ นอกจากงานต่างๆ เยอะแยะมากมายที่อาสามาช่วย เป็นที่ประจักษ์ว่าถ้าเราไม่ย่อท้อ ถ้าเราสู้ ก็มีคนสนับสนุนเยอะมาก” พล.ร.ต.อาภากร กล่าว

พล.ร.ต.อาภากรกล่าวอีกว่า ที่เราทำไป ถือเป็นความเสี่ยงของกำลังพล ผู้ใต้บังคับบัญชา เราฝึกคนมาเพื่อทำการนี้ เป็นความเสี่ยง ถ้างานง่ายไม่ต้องถึงมือเรา ผมเชื่อมั่นในกำลังพล และประจักษ์แล้วกว่ากำลังพลเราเยี่ยมมาก ประสบความสำเร็จค่อนข้างสมบูรณ์ ผมต้องขอขอบคุณมาก เฟืองตัวเล็กๆ ทำให้เครื่องจักรสามารถขับเคลื่อนไปได้ เป็นพลังในการสู้ครั้งนี้ งานนี้เป็นเรื่องยาก เป็นงานที่ต้องใช้ใจทำงาน ต้องขอขอบคุณมากในทุกๆ ส่วน

“สำหรับพี่น้องเราที่สูญเสีย เขาเป็นผู้เสียสละ เป็นวีรบุรุษของชาวโลกไปแล้ว หน่วยซีลเราได้ฝึกคนมาเพื่อทำภารกิจที่เสี่ยงเป็นประจำ ความเสี่ยงเป็นสิ่งที่เรายอมรับตลอดเวลา แม่พี่น้องเราเสียชีวิต เราก็ไม่เคยเสียขวัญ คิดว่าเขาไปอย่างวีรบุรุษที่น่าภาคภูมิใจ ขอบคุณ ผบ.ทร.ที่ให้กำลังใจ แต่ละวันผมโทรนำเรียน ท่านไม่เคยกดดัน ท่านบอกว่ามีอะไรขอมาได้เลย รวมทั้ง ผู้ใหญ่ในทัพเรือที่ให้การสนับสนุน เครื่องบิน กำลังพลไปเสริม ให้คำแนะนำ กำลังใจ ผบ.กองเรือยุทธการ ให้กำลังใจตลอดวเลา ขอบคุณสื่อที่ติดตามให้กำลังใจ ภารกิจครั้งนี้ เราสู้ และเราชนะ” พล.ร.ต.อาภากร กล่าว

น.อ.อนันท์ กล่าวว่า ภารกิจนี้ยากลำบาก เรื่องการปูทางเข้าพื้นที่เป้าหมาย การเดินทางเข้าถ้ำระยะทาง 3 กิโลเมตร ถึงสามแยกเป็นพื้นที่แคบ ก้อนหินเหมือนหน้าผา มีความสี่ยง ทัศนวิสัยเป็นศูนย์ เราไม่รู้ว่ากลางวันกลางคืน น้ำในถ้ำเย็นมาก และน้ำขุ่น บางช่วงมีหินย้อยเป็นอุปสรรคในการดำน้ำ กำลังพลของเราไม่มีประสบการณ์งานลักษณะนี้มาก่อน การทำงานวันต่อวันเป็นการเรียนรู้ แก้ปัญหาวันต่อวัน เป็นการปฏิบัติที่มีความเสี่ยงตลอดเวลา

“การส่งนักดำน้ำไปทำงานมีความสำเร็จ 50% มีความสูญเสีย 50% ถือว่าโชคดี การทำงานของซีลที่ทำงาน ทุกคนรู้ว่างานที่ออกไปมีความเสี่ยง แต่ทุกครั้งที่ส่งออกไป ทุกคนเต็มใจออกไปปฏิบัติงาน ผมภูมิใจกับทีมงาน วันนี้เราตอบคำภามได้ว่า ทำไปเพื่ออะไร ไม่ต้องมาอธิบายรายละเอียด เป็นการทุ่มเท เสียสละอย่างแท้จริง คณะเราไม่มีประสบการณ์ ในช่วงสุดท้ายที่เอาหมูป่าออกมา โชคดีมีนักดำน้ำต่างประเทศที่มีความเชี่ยวชาญมาช่วยทำงาน ถือเป็นบุคลากรที่มีความสำคัญ และเราได้ศึกษาบทเรียน ประสบการณ์เทคนิคทุกย่างจากเขา ถือเป็นประโยชน์สำหรับหน่วยนงานของกองทัพเรือ ที่จะนำมาปรับปรุงแก้ไข” น.อ.อนันท์ กล่าว

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image