จากกรณีเมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 27 กรกฎาคม พ.ต.ท.อภินันท์ ปลื้มมะลัง ร้อยเวรสอบสวน สถานีตำรวจภูธรคง จังหวัดนครราชสีมา รับแจ้งอุบัติเหตุรถบัสโดยสาร Benz สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน 31-5081 กรุงเทพมหานคร ของบริษัทอีสานทัวร์ ที่รับผู้โดยสารจำนวน 50 คน จากหมอชิต กรุงเทพฯมุ่งหน้าไปส่งที่จังหวัดอุดรธานี ได้เสียหลักตกลงไปในร่องกลางถนนมิตรภาพ บ้านวัด ตำบลเทพาลัย อำเภอคง จังหวัดนครราชสีมา ชนต้นไม้จนรถมีสภาพด้านหน้าพังเสียหายยับเยิน ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 7 ราย โดยคนขับรก็ได้รับบาดเจ็บและรับสารภาพว่าเกิดอาการวูบหลับในตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
วันที่ 28 กรกฎาคม ตรวจสอบเพิ่มเติมของเจ้าหน้าที่ขนส่งจังหวัดนครราชสีมาสาขาบัวใหญ่ ทราบว่า รถคันที่เกิดเหตุดังกล่าวเป็นรถวิ่งเสริมในช่วงวันหยุดติดต่อกันต่อเนื่องหลายวันในเทศกาลเข้าพรรษาทำให้มีปริมาณผู้ใช้บริการเป็นจำนวนมาก รถที่เตรียมไว้ไม่เพียงพอต่อการใช้บริการ แต่เมื่อมีการตรวจสอบลึกลงไปในรายละเอียดพบว่าเป็นรถใช้บริการเหมานำเที่ยว ไม่ใช่รถซึ่งนำมาวิ่งบริการประจำเส้นทาง รวมถึงพนักงานประจำรถซึ่งมีเพียงแค่คนเดียวคือคนขับซึ่งผิดไปจากระเบียบของกรมการขนส่งจากนี้จะได้เรียกบริษัทต้นสังกัดมาทำการสอบสวนข้อเท็จจริงต่อไปถ้าพบว่ามีความผิดก็จะมีดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
นอกจากนี้จากการสอบถามนางสาวกมลวรรณ โพธิ์สุวรรณพร หนึ่งในผู้โดยสารที่รอดชีวิตเล่าว่าตนเองได้ซื้อตัวรถโดยสารคันดังกล่าวจากสถานีหมอชิตในราคา 550 บาท ปลายทางสถานีขนส่งอุดรธานี แพงกว่าราคาเดิมที่เคยซื้อ 420 บาท โดยในตั๋วรถระบุเพียงหมายเลขที่นั่ง ช่องจอด ปลายทางที่ลงและเวลาขึ้น คือ 22.30 น. แต่ไม่ได้ระบุหมายเลขรถและราคาตั๋วแต่อย่างใด แล้วได้มายืนรอจนกระทั่งเวลา 00.00 น.ก็มีรถนำเที่ยวคันดังกล่าวขับมารับผู้โดยสารซึ่งก็แปลกใจเนื่องจากผิดปกติจากรถโดยสารทั่วไป แต่คิดเพียงว่าช่วงเทศกาลน่าจะเป็นรถมาวิ่งเสริม เมื่อรถวิ่งออกมาจนถึงจุดแวะพักก็ไม่พบว่ามีการสับเปลี่ยนผู้ขับขี่ซึ่งจากที่เคยใช้บริการประจำจะมีการสับเปลี่ยนผู้โดยสารตลอดเมื่อถึงจุดพักรถ
จากการสอบถามนายอดิศร อ่อนสีทา ผู้โดยสารอีกรายหนึ่งซึ่งใช้บริการรถคันดังกล่าวเปิดเผยว่า ได้ซื้อตั๋วรถจากสถานีขนส่งหมอชิต กรุงเทพฯในราคา 680 บาทซึ่งถือว่าค่อนข้างแพงเมื่อเทียบกับราคาที่เคยซื้อประจำที่ 420 บาท แต่ก็ไม่มีทางเลือกเนื่องจากต้องการเดินทางกลับบ้านไปทำบุญในช่วงเทศกาลเข้าพรรษา เมื่อขึ้นรถมีพนักงานที่ท่ารถมาเก็บตั๋วของทุกคน แต่ตนเองก็ไม่ได้เอะใจอะไรเนื่องจากคิดเพียงเรื่องจะกลับบ้านเท่านั้น แต่พอหลังจากเกิดเหตุขึ้นมีการพูดคุยกันในกลุ่มผู้โดยสารกลับพบว่าราคาค่าตั๋วของแต่ละคนไม่เท่ากัน บางคน 420 บางคน 550 แต่ส่วนใหญ่จะซื้อตั๋วที่ราคา 680 ซึ่งมีความผิดปกติเป็นอย่างมาก อยากให้กรมการขนส่งทางบกที่รับผิดชอบและบริษัทรถออกมาชี้แจงและรับผิดชอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซึ่งถือว่าโชคดีที่ไม่มีใครได้รับอันตรายถึงแก่ชีวิต
