นิวส์รูม วิเคราะห์ : เศรษฐกิจฟื้นแล้ว..ของจริงหรือภาพลวง

เศรษฐกิจฟื้นแล้ว..เป็นเสียงที่หน่วยงานภาครัฐที่ดูแลตัวเลขชี้วัดทางเศรษฐกิจ รวมถึงศูนย์วิจัยต่างๆ มองและเห็นตรงกัน อย่างล่าสุดกระทรวงการคลัง โดยโฆษก “กุลยา ตันติเตมิท” ได้ประกาศปรับประมาณการณ์อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ หรือจีดีพี ปี 2561 เพิ่มเป็น 4.5% หรือกรอบคาดการณ์ที่ 4.2-4.8% จากเดิม 4.2%
ขณะที่สํานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือสภาพัฒน์ เตรียมประกาศจีดีพีไตรมาส 2 ในช่วงครึ่งเดือนหลังของเดือนสิงหาคมนี้ ที่คาดว่าจะไม่น้อยกว่าไตรมาสแรกที่ขยายตัวสูง 4.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2560 ถือเป็นการขยายตัวสูงสุดในรอบ 5 ปี!

ทั้งกระทรวงการคลังและรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ออกมาพูดในทิศทางเดียวกันว่าจีดีพีมีโอกาสขยายตัวได้ถึง 5% ในปีนี้และปีหน้า อย่างไรก็ตาม โฆษกกระทรวงการคลังยอมรับว่ามีโอกาสที่จีดีพีจะไม่ถึง 5% เพราะอาจมีปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ นั่นคือปัจจัยภายนอกประเทศ

ชวนให้คิดถึงแนวคิดของดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ ที่ปรึกษาสถาบันวิจัย กลุ่มธนาคารเกียรตินาคิน-ภัทร เคยกล่าวไว้ว่าโดยวัฏจักรของเศรษฐกิจโลกจะมีรอบขาขึ้นและขาลง รอบขาขึ้นจะมีช่วงระยะเวลาประมาณ 6-8 ปี จากนั้นจะเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยใช้ระยะเวลาไม่ถึง 1 ปี จะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง สำหรับปัจจุบันเศรษฐกิจโลกอยู่ในภาวะขาขึ้นมานานกว่า 8 ปีแล้ว สอดคล้องกับผลสำรวจของผู้จัดการกองทุนในสหรัฐอเมริกากว่า 400 คน ดูแลสินทรัพย์มากกว่า 500,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนใหญ่ประเมินว่าโอกาสเสี่ยงที่เศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ภาวะถดถอยครั้งใหม่กำลังจะเกิดขึ้นในปี 2563 หรือในอีก 18 เดือนข้างหน้านี้

ส่วนจะเกิดขึ้นจริง ช้าหรือเร็วกว่าที่ประเมินไว้ ปัญหาสงครามการค้าโลก ระหว่างสหรัฐฯ จีน และกลุ่มประเทศยุโรป จะเป็นตัวกระตุ้น

Advertisement

ดร.ศุภวุฒิสรุปว่าแม้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยอาจดูดีโดยเฉพาะตัวเลขการส่งออก แต่ยังอยู่ภายใต้ปัจจัยเสี่ยงซึ่งคาดว่าผลจากสงครามการค้าโลกได้เริ่มส่งผลกระทบต่อการส่งออกไทยแล้วนับจากเดือนสิงหาคมนี้เป็นต้นไป

สอดคล้องกับธนาคารแห่งประเทศไทย หรือแบงก์ชาติ ประเมินว่าผลของสงครามการค้าโลกจะกดดันการส่งออกไทยปีหน้าจะขยายตัวแค่ 5% จากตัวเลขครึ่งปีแรกของปีนี้ขยายตัวได้ถึง 11.1%

และล่าสุด ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบี หรือธนาคารทหารไทย ได้ออกบทวิเคราะห์เตือนนักลงทุนและผู้ประกอบการ เตรียมรับมือ “Reversal Searching for Yields” หรือความผกผันของการแสวงหาผลตอบแทน คาดการณ์ว่าในช่วงครึ่งปีหลังนี้อาจต้องเผชิญความผันผวนที่เพิ่มขึ้นจากเงินทุนเคลื่อนย้ายอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการไหลออกของเงินทุนจากต่างประเทศ จากความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้า และสภาพคล่องที่ลดลงจากการใช้นโยบายการเงินที่ตึงตัวของสหรัฐฯ จะกดดันให้ต้นทุนการกู้ยืมสูงขึ้น นักลงทุนและผู้ประกอบการควรเตรียมรับมือ เตรียมป้องกันความเสี่ยงในอนาคตไว้ด้วย

Advertisement

ทั้งหมดนี้ยังเป็นเพียงคาดการณ์ จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่..เริ่มนับถอยหลังกัน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image