นางสาวดารณี แซ่จู ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์สถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เปิดเผยว่า สินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์ ไตรมาสที่ 2 ปี 2561 ขยายตัวเพิ่มขึ้น 5.4% จากไตรมาสก่อนที่ขยายตัว 4.7% สอคคล้องกับการขยายตัวของเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มปรับดีขึ้น โดยสินเชื่อคงค้าง ณ สิ้นไตรมาสที่ 2 อยู่ที่ 12.8 ล้านล้านบาท จากไตรมาสก่อนหน้าที่คงค้าง 12.5 ล้านล้านบาท สำหรับสินเชื่อธุรกิจขยายตัว 4.1% ซึ่งสินเชื่อธุรกิจรายใหญ่รายใหญ่ติดลบ 1.8% เนื่องจากธุรกิจขนาดใหญ่มีทางเลือกในการระดมทุนผ่านตราสารหนี้และหุ้น ประกอบกับธุรกิจบางส่วนมีการชำระคืนหนี้ แต่สินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอี) ขยายตัวสูงถึง 7.5% ด้านสินเชื่ออุปโภคบริโภค ขยายตัวเพิ่ม 8.0% โดยหลักจากสินเชื่อรถยนต์ สินเชื่อที่อยู่อาศัย สินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล โดยแนวโน้มการขยายตัวของสินเชื่อในครึ่งปีหลังจะขยายตัวต่อเนื่องจากครึ่งปีแรกและประเมินว่าทั้งปีสินเชื่อจะขยายตัวในกรอบ 4-6%
นางสาวดารณี กล่าวว่า ด้านคุณภาพสินเชื่อธุรกิจเริ่มดีขึ้นตามเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ด้านสินเชื่ออุปโภคบริโภคแนวโน้มดีขึ้นแต่ยังต้องติดตามสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่มีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้นต่อเนื่องแต่เป็นการเพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลง ผลจากการที่ได้รับอัตราดอกเบี้ยต่ำคงที่แล้วอัตราดอกเบี้ยปรับเพิ่มขึ้น และบ้านระดับราคา 3-5 ล้านบาทที่ผู้กู้เป็นผู้ประกอบการชีพอิสระ อย่างไรก็ดี สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล) ทรงตัวอยู่ที่ 2.93% คาดว่าทั้งปีนี้เอ็นพีแอลจะทรงตัวคาดว่าจะไม่เกิดระดับ 3.0% ทั้งนี้ตามวัฎจักรเศรษฐกิจที่ดีขึ้นต่อเนื่องประเมินว่าเป็นเอ็นพีแอลจะเริ่มลดลงในปี 2562 ส่วนแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น ธปท. มีความเป็นห่วงกลุ่มผู้มีรายได้น้อยซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความเปราะบางเพราะมีหนี้สูงอยู่แล้วอาจจะปรับตัวไม่ทัน โดยเฉพาะสินเชื่อบ้าน เพราะสินเชื่อบ้านเป็นอัตราดอกเบี้ยลอยตัวปรับขึ้นตามดอกเบี้ยนโยบาย อย่างไรก็ตามหากดอกเบี้ยไม่ขึ้นแรงและเร็วคาดว่าจะไม่กระทบมากนัก ทั้งนี้ แต่ละธนาคารมีความยืดหยุ่นให้กับผู้กู้และมีกันชนอยู่แล้วระดับหนึ่ง
