เดินหน้าตีกิน ทำแต้มกันอยู่ฝ่ายเดียว สำหรับ”กลุ่มสามมิตร” ที่มี 2 ส. หัวหอกหลัก อย่าง “สมศักดิ์ เทพสุทิน” และ “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” เดินสายลงพื้นที่กันอยู่ฝ่ายเดียว ไม่ต่างอะไรกับกลุ่มการเมืองที่มีแบ็กดี
หวังทำแต้มตีกิน เจาะกลุ่มเป้าหมาย ทั้งอดีตส.ส. กลุ่มชาวนา กลุ่มชาวไร่ยาสูบ กลุ่มแท็กซี่ กลุ่มจักรยานยนต์รับจ้าง กับเป้าหมายแปลงมาเป็นคะแนนเสียง ในช่วงการเลือกตั้งใหญ่ตามโรดแมป ปี 2562
แม้จะยังไม่ชัดเจนในทางนิตินัยว่า “กลุ่มสามมิตร” จะแปลงสภาพมาสู่พรรคการเมืองพรรคใด แต่ในทางพฤตินัยเป็นที่ชัดเจนว่า ทั้งแกนนำและแนวร่วมของกลุ่มสามมิตร มีเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน
คือเป็นแนวร่วมหลักของพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) เพื่อไปสู่มิสชั่น หนุน”บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คัมแบ็กมานั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีอีกสมัย
แม้จะเดินหน้าทาบทามด้วยสารพัดกลยุทธ์และวิธีการ จนได้อดีตส.ส. ระดับเกรด บี ซี ดี จากพรรคการเมืองต่างๆ ล่าสุดทะลุหลัก 200 คน ที่ตกปากรับคำมาสวมเสื้อพรรคพลังประชารัฐสู้ศึกเลือกตั้งสมัยหน้า
โดยมีการทำบัญชีรายชื่อว่าที่ผู้สมัครส.ส. ในแต่ละเขตไว้เบื้องต้นแล้ว ซึ่งจะส่งครบทั้ง 350 เขต หวังโกยคะแนนเสียงแปลงมาเป็นเก้าอี้ ส.ส. ไม่ว่าจะแบบเขต หรือ บัญชีรายชื่อให้ได้มากที่สุด
จากจำนวนส.ส. 500 ที่นั่งตามที่รัฐธรรมนูญ 2560 กำหนด
แต่เมื่อสัญญาณระดับแกนนำอีก 1ส. อย่าง “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” รองนายกฯ ที่ต้องรอฟังสัญญาณจากผู้มีอำนาจทั้งจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) และรัฐบาล ยังไม่มีความชัดเจน
ทั้งเรื่องการจัดวางขุนพลในพรรคพลังประชารัฐ รวมถึงปัจจัยสำคัญอย่างงบประมาณที่จะใช้สู้ศึกเลือกตั้ง
ที่จะต้องทุ่มสู้กันแบบหมดหน้าตัก ไล่ตั้งแต่การลงพื้นที่พบปะมวลชน รวมถึงพ็อกเก็ตมันนี่ที่ผู้สมัครส.ส.จะต้องใช้ในการหาเสียง
ทำให้ท่าทีของทั้งผู้ยื่นจัดตั้งพรรคพปชร. อย่าง “ชวน ชูจันทร์” จึงต้องออกมาทวงถามถึงความชัดเจนของคนในรัฐบาลว่าจะมีใครมาร่วมงานกับพรรคพปชร.หรือไม่
เพราะต้องเลื่อนการประชุมพรรคพปชร. เพื่อหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคในการเริ่มนับหนึ่งการเป็นพรรคการเมืองที่ถูกต้องตามกฎหมาย จากเดือนสิงหาคมไปเป็นเดือนกันยายน
ขณะที่ฟากฝั่งของ “สมศักดิ์” แม้จะออกมาระบุว่าจะมี 2 บิ๊กเซอร์ไพรส์ของกลุ่มสามมิตร ในเร็วๆนี้ อย่างการจะเปิดตัวอดีตส.ส.ภาคเหนือระดับบิ๊กเนม
แต่ก็ยังแทงกั๊กถึงการสนับสนุน “บิ๊กตู่” ให้นั่งเก้าอี้นายกฯอีกหรือไม่ว่าให้เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ในกลุ่มสามมิตรจะชี้ขาด
เมื่อสัญญาณจากผู้มีอำนาจยังไม่ชัดทั้งเรื่อง “พรรค” และ “เงินทุน” เสียงตอบรับจากแนวร่วม จึงต้องถามย้ำด้วยได้ท่าทีต่างๆว่าจะเริ่มนับหนึ่งได้เมื่อใด
เพราะในสนามแข่งขัน ออกตัวช้าอาจจะถึงแพ้
