นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ภาพรวมที่อยู่อาศัยในช่วงครึ่งปีแรก 2561 พบว่ายอดโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศอยู่ที่ 173,664 ยูนิต มูลค่า 389,684 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนประมาณ 26.3% และคาดว่าทั้งปี 2561 น่าจะมียอดโอนไม่ต่ำกว่า 340,448 ยูนิต หรือมีอัตราการเติบโตจากปี 2560 ประมาณ 8-10% และมูลค่ารวม 719,568 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2560 ประมาณ 6.7% โดยอัตราการโอนดังกล่าวหากเป็นภาพรวมทั้งประเทศจะเป็นแนวราบประมาณ 65% และเป็นห้องชุด 35% แต่หากในกทม.และปริมณฑลพบว่า เป็นการโอนคอนโดมิเนียม 49% และแนวราบประมาณ 51% ส่วนราคาที่อยู่อาศัยเฉลี่ยทั่วประเทศอยู่ที่ 2.1 ล้านบาท ขณะที่กทม.ปริมณฑลราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 2.9 ล้านบาท
นายวิชัยกล่าวว่า ขณะที่สินเชื่อปล่อยใหม่ ครึ่งปีแรก 2561 อยู่ที่ 325,172 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 23.5% และคาดการณ์สินเชื่อปล่อยใหม่ทั้งปี 2561 อยู่ที่ 692,500 ล้านบาท เติบโตจากปี 2560 ประมาณ 9.2% อย่างไรก็ตามในเรื่องสินเชื่อที่อยู่อาศัยนี้คาดว่าในไตรมาส 4 ปีนี้อาจจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้แน่ช เนื่องจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เริ่มส่งสัญญาณแล้ว เพราะเชื่อว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นดอกเบี้ยไปอีกในช่วงที่เหลือของปีนี้ และหากไทยยังไม่ปรับขึ้นก็อาจจะส่งผลกระทบต่อเงินไหลออกได้ เนื่องจากช่องว่างระหว่างดอกเบี้ยไทยและต่างประเทศจะห่างมากขึ้น
“การปรับขึ้นดอกเบี้ยคงปรับขึ้นไม่มาก เชื่อว่าไม่น่าจะเกิน 0.25% ตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเรื่องดังกล่าวมองว่าเป็นปัจจัยเสี่ยงสำหรับตลาดที่อยู่อาศัยในช่วงครึ่งปีหลังแต่ก็ไม่น่าจะมากนัก เพราะคนยังคงมีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยอยู่”นายวิชัยกล่าว
นายวิชัยกล่าวว่า อย่างไรก็ตามหากพิจารณาจากรายภูมิภาคพบว่า 3 จังหวัดในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) พบว่าครึ่งปีแรกปีนี้มีการเปิดตัวโครงการใหม่ประมาณ 11,000 ยูนิต แบ่งเป็นชลบุรี 7,400 ยูนิต ระยอง 3,000 ยูนิต และที่เหลืออยู่ที่จ.ฉะเชิงเทรา โดยเป็นที่น่าสนใจว่าผู้ประกอบการส่วนใหญ่โฟกัสไปที่จ.ชลบุรีเป็นหลัก เนื่องจากเป็นเมืองอุตสาหกรรมและเมืองท่องเที่ยวส่งผลให้ผู้ประกอบการเข้าไปลงทุนค่อนข้างมาก โดยเฉพาะย่านพัทยาและสัตหีบซึ่งผู้ประกอบการจะพัฒนาคอนโดมิเนียมเป็นหลัก แต่ถ้าเป็นในศรีราชาและเมืองนั้นจะเป็นโครงการจัดสรรเป็นหลัก ส่วนด้านราคาขายพบว่าในช่วงปีนี้ราคาปรับเพิ่มขึ้นจากช่วงปี 2560 ค่อนข้างมากคือประมาณ 27.9% โดย ชลบุรีปรับขึ้นมากที่สุดที่ 32% รองลงมาคือฉะเชิงเทราปรับขึ้น 22% และระยองปรับเพิ่มขึ้น 18%
