เมื่อวันที่ 2 กันยายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์มวลน้ำจากทางภาคเหนือที่ไหลบ่าลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยามาอย่างต่อเนื่อง โดยมีอัตราไหลผ่านวัดได้ที่สถานีวัดน้ำ C2 จ.นครสวรรค์ 1,178 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ส่งผลให้มวลน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาที่ไหลผ่านพื้นที่ จ.อุทัยธานี สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ซึ่งขณะนี้ทางจังหวัดได้แจ้งไปยังพื้นที่เสี่ยงภัยให้เฝ้าระวัง และฟังคำประกาศเตือนของทางราชการอย่างใกล้ชิด เนื่องจากหวั่นเกรงว่าจะเกิดอุทกภัย หากยังมีมวลน้ำไหลบ่าเพิ่มสูงขึ้นอีก และด้วยมวลน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ปริมาณน้ำยังหนุนผ่านเข้าแม่น้ำสะแกกรังทางด้านประตูระบายน้ำตามรอยเสด็จประพาสต้นรัชกาลที่ 5 และประตูระบายน้ำคลองขุมทรัพย์ ที่ ต.เกาะเทโพ อ.เมือง จ.อุทัยธานี ส่งผลให้แม่น้ำสะแกกรังที่ไหลผ่านตัวเมืองตลอดทั้งสาย มีระดับสูงขึ้นอย่างรวดเร็วโดยต่ำกว่าตลิ่งที่ 1.50 เมตร
ด้าน จ.ส.อ.ยงยุทธ ภาครัตณี อายุ 43 ปี ชาวบ้านชุมชนชาวแพแม่น้ำสะแกกรัง กล่าวว่า ขณะนี้ปริมาณน้ำในแม่น้ำสะแกรังยังคงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะไม่ถึงจุดวิกฤต แต่ระดับน้ำที่สูงขึ้นนั้นทำให้ประชาชนชาวชุมชนชาวแพทั้ง 2 ฝั่งในแม่น้ำสะแกกรัง ต้องเร่งชักลากเรือนแพอาศัย และกระชังปลาที่เลี้ยงไว้ในแม่น้ำสะแกกรังเข้าฝั่งให้มากที่สุด เพื่อป้องกันความเสียหาย และปัญหาของน้ำขณะนี้ พบว่ามีสีแดงขุ่น และมีตะกอน ซึ่งส่งผลให้ปลาในกระชังเริ่มทยอยตายบ้างแล้วเนื่องจากมีอาการน็อกน้ำ และตะกอนเกาะเหงือก
“อย่างไรก็ตาม หากจะบริหารจัดการน้ำ โดยเฉพาะเขื่อนเจ้าพระยา ที่จะมีการระบายลงสู่ท้ายเขื่อนเพิ่มขึ้น ขอให้แจ้งเตือนประชาชน เพื่อจะได้เตรียมพร้อมรับมือที่จะส่งผลทำให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำสะแกรังลดลงอย่างรวดเร็วจนตั้งตัวไม่ทัน และไม่สามารถชักลากเรือนแพอาศัย และกระชังปลา ลงร่องน้ำลึกได้ทัน ซึ่งจะก่อให้เกิดแพติดค้างแห้งจนได้รับความเสียหาย ดังนั้น จึงขอให้มีการแจ้งเตือนเป็นระยะๆ ถึงการระบายน้ำดังกล่าวด้วย
