รายงานข่าวจากกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า วันที่ 5 กันยายน คาดว่าจะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) มีนายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเป็นประธาน วาระพิจารณาเบื้องต้น คือ การอนุมัติขยายกรอบวงเงินการอุดหนุนราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) เพิ่มเติม หลังจากล่าสุดกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงบัญชีแอลพีจีติดลบเกินกรอบวงเงินเดิมที่ กบง.เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม เคยอนุมัติไว้ 3,000 ล้านบาทเพื่อนำมาตรึงราคาแอลพีจีภาคครัวเรือนถัง 15 กิโลกรัม (กก.) ไว้ที่ 363 บาท
“สถานการณ์ราคาแอลพีจีตลาดโลกสูงขึ้นต่อเนื่องทำให้การตรึงราคาแอลพีจีถังละ 363 บาททำบัญชีแอลพีจีติดลบกว่า 3,511 ล้านบาท เกินกรอบที่กำหนดไว้แล้วจึงต้องขยายเพิ่มส่วนจะเท่าใดนั้นขึ้นอยู่กับ กบง.จะตัดสินใจ” แหล่งข่าวกล่าว
รายงานข่าวระบุว่า ฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงวันที่ 26 สิงหาคม หลังโยกเงินบัญชีน้ำมันดูแลแอลพีจี ทำให้มีฐานะสุทธิ 26,199 ล้านบาท ซึ่งก่อนหน้านี้นโยบายนายศิริกำหนดตรึงราคาแอลพีจีระดับ 363 บาทต่อถัง 15 กก.ถึงสิ้นปี ดังนั้นกรอบวงเงินที่จะดูแลราคาแอลพีจีมีแนวโน้มว่าจะต้องขยายอีกไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาท เนื่องจากแนวโน้มราคาแอลพีจีตลาดโลกสิ้นปีจะมีทิศทางขาขึ้นจากความต้องการเพิ่มสูงในฤดูหนาวของประเทศแถบสหรัฐและยุโรป
ขณะเดียวกันคงจะต้องติดตามราคาน้ำมันอย่างใกล้ชิดเนื่องจากจากระดับราคาดีเซลขายปลีกในเขต กทม.และปริมณฑลที่กระทรวงพลังงานมีนโยบายจะดูแลไม่ให้เกินระดับ 30 บาทต่อลิตรนั้น ล่าสุดราคาบางค่ายมีการขยับไปแตะระดับ 29.99 บาทต่อลิตรแล้ว ต้องติดตามสถานการณ์น้ำมันตลาดโลกว่าจะมีทิศทางอย่างไร แต่ระยะสั้นนี้คงผันผวนไปในทิศทางค่อนข้างสูงจากการที่สหรัฐอเมริกาคว่ำบาตรอิหร่านและชี้นำให้หลายประเทศงดการนำเข้าน้ำมัน ทำให้ราคาตลาดโลกเริ่มกดดันให้ขยับขึ้นและหากส่งผลให้ดีเซลเกิน 30 บาทต่อลิตรกองทุนจะต้องควักตรึงราคาดีเซลเพิ่มขึ้นอีก
