เมื่อวันที่ 7 กันยายน ตำรวจภูธณภาค3 โดย พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบช.ภ.3 พร้อมด้วย นายวิเชียร จันทรโณทัย ผวจ.นครราชสีมา พล.ต.ต.วัชรินทร์ บุญคง ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา และภาคีเครือข่าย ทำพิธีเปิดโครงการ “โคราชร่วมใจสวมหมวกนิรภัย ลดเสี่ยง ลดตาย” พร้อมประชุมผู้บริหารสถานศึกษา และผู้บริหารภาคเอกชน บริเวณลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี อำเภอเมือง จว.นครราชสีมา
เพื่อให้ทราบนโยบายด้านความปลอดภัยทางถนนนครราชสีมา มาตรการสวมหมวกนิรภัยของนักเรียน นักศึกษา และพนักงานในสถานประกอบการอุตสาหกรรม และมอบหมวกนิรภัยให้กับผู้มาร่วมกิจกรรม และปล่อยแถวขบวนรถจักรยานยนต์เพื่อรณรงค์ให้ ผู้ขับขี่และผู้ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ ในจังหวัดนครราชสีมา สวมหมวกนิรภัยให้ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ เพื่อต้องการลดการสูญเสียชีวิตและทุพพลภาพให้ลดลงอย่างน้อยร้อยละ 50 และจะขยายโครงการไปอีก 7 จังหวัด เพื่อความปลอดภัยของประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนต่อไป
ทั้งนี้การเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนในประเทศไทย มีจำนวนผู้เสียชีวิตในช่วงปี 2558 – 2560 เฉลี่ยอยู่ที่ 12,153 ราย/ ปี หากคิดเป็นมูลค่าความสูญเสียที่ลดลงตามที่ธนาคารโลกได้มีการศึกษาไว้ ในการเสียชีวิตหนึ่งคนมีมูลค่าความสูญเสียอยู่ที่ 6.2 ล้าน “(World Bank)” ประเทศไทยจึงมีความสูญเสียถึง 7,538,600,000 บาท (เจ็ดพันห้าร้อยสามสิบแปดล้านหกแสนบาท) และยังมีอัตราการเสียชีวิตต่อประชากรแสนคน สูงเป็นอันดับที่ 2 อยู่ที่ 36.2 /ต่อประชากรหนึ่งแสนคน และอาจถึง อันดับ 1 ของโลก หากยังไม่ดำเนินการแก้ไข
โดยจังหวัดนครราชสีมา มีพื้นที่รับผิดชอบและประชากรมากที่สุดในประเทศไทย เป็นประตูสู่อีสาน เส้นทางคมนาคมยาวกว่า 8,000 กิโลเมตร มีทางหลวงสายสำคัญเชื่อมโยงระหว่างจังหวัด ทำให้จำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุจราจรในปี 2560 มีจำนวนถึง 512 ราย เป็นอันดับ 1 ของประเทศ ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุดคือ “รถจักรยานยนต์” อุบัติเหตุทางถนนร้อยละ 80 เกิดจากความประมาทของผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ซึ่งมีผู้เสียชีวิตถึงร้อยละ 86 สาเหตุจากการไม่สวมหมวกกันน๊อค แต่รถกระบะเป็นยานพาหนะที่มีการตายมากสุดเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ส่วนสาเหตุที่ทาให้เกิดอุบัติเหตุที่มีผู้เสียชีวิตมาก คือ ขับรถเร็วเกินกำหนด ตัดหน้ากระชั้นชิด หลับใน แซงที่ขับขัน เมาแล้วขับ
ดังน้ันโครงการ “โคราชร่วมใจสวมหมวกนิรภัย ลดเสี่ยง ลดตาย” เป็นการรณรงค์เพื่อต้องการลดการสูญเสียชีวิตและทุพพลภาพ ให้ลดลงอย่างน้อยร้อยละ 50 และจะขยายโครงการไปอีก 7 จังหวัด เพื่อความปลอดภัยของประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนต่อไป
