เมื่อเวลา 12.00น. วันที่ 8 กันยายน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. ในฐานะผอ.ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) พร้อมด้วย พ.ต.อ.อาชยน ไกรทอง พ.ต.อ.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รองผบก.ทท. รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวและสายตรวจพิเศษ 191 แถลงข่าวการจับกุม นายซาลิยา เปรรา วิลลาอรัชเชียก ผู้ต้องหาเครือข่ายค้ายาเสพติดและคดีฟอกเงินชาวศรีลังการายสำคัญที่หลบหนีมากบดานในประเทศไทย ตามหมายแดง ขององค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศ หรือ อินเตอร์โพล โดยสามารถจับกุมตัวได้ตั้งแต่เมื่อวันที่ 6 กันยายน ที่ผ่านมา ขณะที่เบื้องต้นผู้ต้องหาได้ให้การรับสารภาพ
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ตามที่ประเทศศรีลังกา ได้ประสานความร่วมมือไปยังอินเตอร์โพลในการติดตามจับกุมตัว นายซาลิยา ผู้ต้องหาตามคดีค้ายาและฟอกเงิน จึงได้ทำการตรวจสอบและติดตามตัวจนกระทั่งวันที่ 6 กันยายนที่ผ่านมา พล.ต.อ.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. ผอ. (ศปอส.ตร.) พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงศ์ปิ่น ผบช.สตม. พล.ต.ท.สาคร ทองมุณี ผบช.ทท. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามสืบตัวจนพบนาย ซาลิยา ที่หน้าโรงแรมนราธิวาส เรสสิเดนท์ โฮเทล ซอยสาธุประดิษฐ์ 19 แขวงช่องนนทรี ภายหลังการจับกุม จึงทราบว่านายซาลิยา ได้ใช้วีซ่าท่องเที่ยวเข้ามาอยู่ในประเทศไทยตั้งแต่ปลายปี 2556 จนเมื่อปี 2559 ตนทราบว่าถูกหมายจับตามอินเตอร์โพลจึงไม่ได้ไปต่อวีซ่าอีก
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า การกระทำดังกล่าวมีความผิดตามลักษณะบุคคลต้องห้าม ของพ.ร.บ.คนเข้าเมืองปี 2522 มาตรา 12(7) จึงได้ส่งตัวไปยัง กองกำกับการ 3 บก.สตม. เพื่อพิจารณาเพิกถอนการอนุญาตอยู่ในราชอาณาจักรและดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
“ก่อนการแถลงข่าวผมได้พบกับเอกอัครทูตของศรีลังกา ซึ่งได้ให้การชื่นชมเราอย่างมาก ทั้งนี้ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและฟอกเงินในศรีลังกามีโทษรุนแรงมากถึงจำคุกตลอดชีวิต อย่างไรตอนนี้ตำรวจทั่วทั้งโลกได้ประสานความร่วมมือกันอย่างไร้รอยต่อตามที่เคยได้กล่าวไว้ ทั้งคดีเกาะเต่า และอื่นๆ” พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าว
