ตร.ตรังแจงสังหารพยานที่ถูกวิจารณ์ฆ่าตัดตอนไม่เกี่ยวคดีเผารถฆ่าคนงานรับเหมา

คืบหน้าคดีคนร้ายลอบยิง นายอำนวย เพชรรัตน์ อยู่ 48 ปี บ้านเลขที่ 14 หมู่ 6 ต.ทุ่งค่าย อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง ขณะร่วมงานบำเพ็ญกุศลศพหลานชายภายในวัดนางหลาด หมู่ 5 ต.โคกสะบ้า อ.นาโยง จ.ตรัง กระสุนเข้าบริเวณกลางหลัง 3 นัดทะลุขั้วหัวใจเสียชีวิตคาที่ เหตุเกิดกลางดึกวันที่ 17 กันยายน ที่ผ่านมา โดยนายอำนวย เป็น 1 ในจำนวนพยาน ที่ทางตำรวจและทหารเชิญตัวไปสอบสวนตามคำสั่ง คสช.ที่ 13/2559 เหตุคนร้ายลอบเผารถและยิงคนงานก่อสร้าง ของ หจก.ภักสุธีโกศลการก่อสร้าง ขณะทำงานปรับปรุงผิวจราจรถนนชนิดพาราแอสฟัสต์ติกคอนกรีต สาย ตง.ถ.-0067 โคกชะแง้บ้านเกาะปุด (ตอน 2) หมู่ 5 ต.นาบินหลา –หมู่ 10 ต.นาข้าวเสีย อ.นาโยง ระยะทาง 825 เมตร งบประมาณ 2,794,000 บาท เหตุเกิดเมื่อวันที่ 14 และ 16 สิงหาคม 2561 โดยมีการวิพากษ์วิจารณ์และตั้งข้อสังเกตว่าการสังหารนายอำนวยอาจะเป็นการฆ่าตัดตอนในคดีนี้

วันที่ 19 กันยายน พ.ต.ท.ประเสิรฐ สงแสง รองผกก.สอบสวนสภ.เมืองตรัง กล่าวถึงความคืบหน้าคดีวางเพลิงเผาทรัพย์รถของหจก.ภัคสุธีโกศล ก่อสร้างและคดีฆ่านายประคอง ตั้งแต่หลังเกิดเหตุมาก็ได้รวบรวมพยานหลักฐาน โดยตนเองเป็นตัวหลักและมีคณะสอบสวนหลายคนร่วมกัน ซึ่งตอนนี้คดีเผาสอบสวนพยานไปทั้งหมด 7 ปาก ส่วนคดีลอบยิงสอบสวนไปทั้งหมด 30 ปากและได้แสวงหาพยานหลักฐาน โดยร่วมกับฝ่ายทหาร โดยใช้คำสั่ง คสช.ที่13/59 ได้เป้าหมายมาซักถาม ตรวจยึดอาวุธปืนทั้งหมด 3 กระบอก ซึ่งแนวทางการสอบสวนเดินได้ดีในระดับหนึ่ง เนื่องจากว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อนในเรื่องของการรวบรวมพยานหลักฐาน

พ.ต.ท.ประเสริฐ กล่าวว่า ทราบว่ามีพยานเสียชีวิตไปหนึ่งคนชื่อนายอำนวย เพชรรัตน์ ถูกคนร้ายยิงเสียชีวิตที่ วัดนางหลาด หมู่ที่ 5 จ.โคกสะบ้า อ.นาโยง จ.ตรัง วันที่ 17 กันยายน 2561จากการตรวจสอบเบื้องต้นไม่น่าเกี่ยวกับคดีนี้ และเชื่อว่าไม่เกี่ยวกับคดีดังกล่าว เนื่องจากไม่มีมูลเหตุ หรือช่องทางทำให้เดินถึงตัวคนร้ายได้ ส่วนการสอบสวนคดีเผารถและฆ่าคนงานรับเหมานั้น ตนเองคิดว่าคดีนี้ไม่ยาก ที่ผ่านมาคดีอุกฉกรรจ์ 13 คดีตนเองก็สามารถปิดคดีได้ทั้งหมด ซึ่งคดีดังกล่าวนี้ก็ไม่ยากแต่เราจะต้องเดินอย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้เสียขบวน

“ข้อสังเกตที่มีในสังคมว่าอาจจะมีการลงขันหรือไม่นั้นมองได้ทั้ง 2 ทาง ทางธรรมดาที่เสียผลประโยชน์ในกลุ่มเล็กๆตรงนั้น และภาพรวมจากการสอบสวนที่เราได้เชิญหลายคนมาสอบสวนเพื่อให้ข้อมูลทำให้เริ่มได้ข้อมูลที่แคบลง ส่วนหลักฐานสำคัญจะมาจากทุกส่วนที่เห็นและพิสูจน์ได้ว่าใครเป็นคนร้ายซึ่งการเดินต้องใช้เวลาและแหล่งที่มาที่พิสูจน์ได้ ส่วนเรื่องจะออกหมายจับนั้นยังไม่สามารถคาดคะเนได้แต่เริ่มเดินได้ดีไปในในทางที่ดีขึ้น ส่วนจะจับไปถึงตัวผู้จ้างวานหรือไม่นั้น ก็ต้องดูเป็นส่วนๆไปจะต้องให้ได้หมายเลข 1 ก่อนและหมายเลข 2 เลข 3 จะตามมา” พ.ต.ท.ประเสริฐ กล่าว

Advertisement

ด้าน นายศิริพัฒ พัฒกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง กล่าวว่า เท่าที่ได้รับรายงานทราบว่าคดีนี้ สามารถคลำทางได้ตั้งแต่แรกทั้งเหตุเผาเครื่องจักร การยิงคนงาน ต้องโกรธเรื่องเดียวกัน ไม่ต้องไปไกลเพียงเปิดกางตารางดูว่ามีใครประมูลมั่งว่าไปซื้อของที่ไหนไปซื้อยางมะตอยกับใคร ซึ่งก็สืบไปได้ได้เรื่อยๆ เป็นเรื่องละเอียดอ่อน โดยที่ตัวละครเป็นตัวละครที่น่าสนใจ แต่ละคนก็มีคนสนับสนุน แต่ตำรวจและตนก็ชัดเจนไม่มีอะไรมาลบล้างกฎหมายได้ วิธีการไม่ยากไม่ซับซ้อนอะไร แต่พยานที่จะมายืนยันนั้นพยานบุคคลสำคัญส่วนเรื่องที่มาจากกล้องวงจรปิดนั้นอาจจะใช้ได้ภายหลังหลังจากที่ได้เบาะแสลึกๆแล้ว

“ขณะนี้แนวทางของเจ้าหน้าที่ตำรวจค่อนข้างชัดเจนแล้ว เกิดจากความขัดแย้งและความโกรธจึงต้องเผาและฆ่า ซึ่งความขัดแย้งโดยทั่งไปถ้าไม่โกรธมากไม่มีจุดมูลเหตุแห่งการโกรธ ไปทำถึงชีวิตซึ่งมันมีมูลเหตุอยู่ ” นายศิริพัฒ กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image