ผู้เขียน | สถานีคิดเลขที่ 12 |
---|
ปัญหายางพาราตกต่ำ เรื่องแก้ไม่ตกในขณะนี้ รัฐบาลอาจจำเป็นต้องเลือกแนวทางใดแนวทางหนึ่ง ซึ่งแต่ละวิธีมีผลดี-ผลเสียด้วยกันทั้งสิ้น
ดูจากปากคำนายกรัฐมนตรี มีแนวโน้มความเป็นไปได้อย่างมาก รัฐบาลอาจปล่อยตามสภาพการณ์นั่นคือ ไม่รับเงื่อนไข ข้อเรียกร้อง จ่ายชดเชยราคาให้กับเกษตรกรชาวสวนยาง
แต่ยืนยันมั่นคง ในแนวทางที่เชื่อว่า น่าจะเป็นการแก้ปัญหายั่งยืน ที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ
ยางพาราเป็นสินค้าการเมือง เช่นเดียวกับพืชผลเกษตรอื่นๆ อาทิ ข้าว มันสำปะหลัง อ้อย
แต่พิเศษกว่า สินค้าการเมืองอื่นๆ ตรงที่พื้นที่ปลูกส่วนใหญ่อยู่ในจังหวัดปักษ์ใต้ ฐานเสียงสำคัญของพรรคประชาธิปัตย์
อย่างไรก็ตาม การชุมนุมประท้วง การเคลื่อนไหวเรียกร้องต่างๆ นั้น เกิดจากพื้นฐานเกษตรกรเดือดร้อนจริงๆ อย่างเช่นที่มีข้อเรียกร้องให้รัฐเข้ามาช่วยเหลือด้านราคาอยู่ในเวลานี้ มิได้เกิดจากการบิดเบือนข้อมูล แต่เป็นการต่อสู้โดยมีตัวเลข-พื้นฐานความเป็นจริงรองรับ
ปัญหายางพาราตกต่ำ เป็นเรื่องกลไกการตลาด ว่าด้วยดีมานด์ และซัพพลาย ผูกโยงอิงอยู่กับราคาน้ำมัน และภาวะเศรษฐกิจโลก
ยางพาราไม่จำเพาะเจาะจง ว่าจะสูงลิ่ว กิโลละ 80-90-100 หรือตกต่ำ 3 โลร้อย 4 โลร้อย ในสมัยใด
จะเกิดขึ้นเมื่อใดก็ได้ เมื่อตัวแปร ปัจจัยความต้องการบริโภคลดลง สวนทางกับปริมาณการผลิต
เพียงแต่ ในยุคสมัยรัฐบาลประชาธิปัตย์ กับรัฐบาลอื่นๆ
การที่ราคาเพิ่มขึ้น หรือลดลง อาจถูกมองด้วยสายตาต่างกัน
มีการนำข้อเท็จจริงของราคายาง มาใช้เป็นประโยชน์ในทางการเมืองอย่างใดอย่างหนึ่ง
กรณีราคาสูง การอวดอ้างฝีมือบริหารจัดการ มักเข้ามาต่อยอดเป็นผลงาน เป็นความสำเร็จ โดยมิพักพูดถึงดีมานด์ ซับพลาย
ตรงกันข้ามหากราคาดิ่ง คำอธิบายเรื่องกลไกตลาดจะกลับมาหัวข้อหลักทันที
อย่างไรก็ตาม สิ่งอันจริงแท้แน่นอนอีกประการก็คือ ไม่ว่าราคายางจะตกต่ำในยุคสมัยรัฐบาลประชาธิปัตย์เพียงใด เมื่อมีการเลือกตั้งปักษ์ใต้ยังเป็นพื้นที่ยึดครอง ผูกขาดที่นั่งของ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์อย่างมั่นคง ยากเป็นอย่างยิ่งที่พรรคอื่นจะรุกคืบกินแดนได้
ขณะที่หากราคาสูง ประชาธิปัตย์ก็ไม่อาจขยายพื้นที่เลือกตั้ง เพิ่มเก้าอี้ ส.ส.ขึ้นมาได้ในภาคอื่น
ข้อน่าสังเกตก็คือ เมื่อใดก็ตามราคายางตกต่ำ อยู่ในยุคการบริหารของรัฐบาลที่มิใช่พรรคประชาธิปัตย์ การเป็นตัวแทนปากเสียงชาวบ้านเกษตรกรของสมาชิกพรรค จะคึกคัก เข้มแข็ง
นำการต่อสู้ ยกระดับความเดือดร้อน ขึ้นมาเป็นวาระการเมือง สาดโคลนเลือกที่รัก มักที่ชัง ไม่ช่วยเหลือชาวสวนตกระกำลำบาก
ถึงขั้นปิดถนน ชัตดาวน์ก็เคยปรากฏมาแล้ว
แต่กระนั้นก็เป็นการเคลื่อนไหว สร้างคะแนนนิยม โจมตีรัฐบาลไม่ได้เรื่อง ในฐานะตัวแทนปากเสียง ที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานความจริง ′ราคายางตกต่ำ′
ราคาตกต่ำ ที่เกิดจากโอเวอร์ซัพพลาย มิได้เกิดจากว่ามีใครกลั่นแกล้ง ลงโทษพื้นที่ใด
ยางพาราขึ้นได้-ลงได้ ตามกลไกตลาด
100 ประยุทธ์ 1,000 ยิ่งลักษณ์ 10,000 ประชาธิปัตย์
ก็ไม่สามารถกำหนดราคาได้เอง
แต่เมื่อเกิดปัญหา ใครมาเป็นรัฐบาล ก็ต้องแก้ไข ไม่ว่ารัฐบาลนั้น จะมีที่มาอย่างไรก็ตาม ยิ่งเป็นรัฐบาลประชาธิปัตย์ก็ยิ่งจำเป็นต้องแก้ไข รักษาพื้นที่ฐานเสียงเอาไว้ ไม่นิ่งดูดายคิดว่าเป็นของตาย รัฐบาลเพื่อไทยก็ต้องหามาตรการช่วย เพราะหาไม่แล้วจะถูกโจมตีว่า เลือกปฏิบัติ
มองจากมุมประชาธิปัตย์ มองจากมุมเพื่อไทย ในที่สุดแล้วเหตุผลบังคับทางการเมือง จะขมวดปมไปสู่เจตนารมณ์ การรับใช้-การแก้ปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกร ชาวสวน
เป็นความยึดโยง-ผูกพันข้อดีของการเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย ในระบอบการปกครอบแบบประชาธิปไตยที่ได้ชื่อว่าเลวน้อยที่สุด
รัฐบาลที่มิต้องคำนึงถึงคะแนนนิยม แต่มีเดิมพันสูงไม่แพ้กัน จะมีวิธีบริหารจัดการ แก้ปัญหาอย่างไร
คำตอบที่จะปรากฏในไม่ช้า จะชี้ให้เห็นความเหมือนความต่างในระบบที่ยึดโยง และไม่ยึดโยงประชาชน