นางสาวบรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวในงานสัมมนา “อนาคตธุรกิจไทย เติบโตไปกับเออีซี” จัดที่โรงแรมดุสิตธานี ว่าการจัดงานครั้งนี้เพื่อสร้างความเข้าใจแก่ผู้ประกอบการและนักลงทุนไทยถึงสิทธิประโยชน์หลายด้านที่จะได้รับหลังเกิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(เออีซี)ที่ไทยเป็นหนึ่งในสมาชิก แม้ว่าเออีซีจะเกิดขึ้นนานแล้ว แต่ผู้ประกอบการและนักลงทุนไทยยังไม่เข้าใจความสำคัญอย่างถ่องแท้
นางสาวบรรจงจิตต์ กล่าวว่า ในปี 2568 ตามแผนงานเออีซี บลูพริ้นซ์ 2025 จะทำให้การค้าระหว่างไทย-อาเซียน ขยายอัตราการเติบโตขึ้นเป็น 2 เท่า มูลค่า 4.44 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากปี 2559 มูลค่า 2.22 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่วนตัวเชื่อว่าในอนาคตการค้าไทย-อาเซียนจะเติบโตดีขึ้นมากแน่นอน จึงอยากสร้างความเข้าใจให้ผู้ประกอบการและนักลงทุนไทยรับมือกับความท้าทายใหม่ๆที่จะเข้ามา และเป็นการเตรียมแผนสร้างความเข้มแข็งให้กับผู้ประกอบการและผู้ส่งออกไทย เห็นถึงโอกาสในการลงทุนและประกอบธุรกิจใหม่มากขึ้น โดยนักลงทุนไทยจะได้ประโยชน์ด้านการส่งออกจากการเข้าสู่เออีซี สามารถส่งออกสินค้าได้มากขึ้นจากการยกเลิกภาษีศุลกากรในสินค้าเกือบทุกรายการระหว่างอาเซียนด้วยกันเป็น 0%
ทั้งนี้ จากการตั้งเขตการค้าเสรีอาเซียน (อาฟตา) ในปี 2535 ทำให้อาเซียนมีบทบาทและมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจโลกมากขึ้น มีขนาดเศรษฐกิจและมูลค่าการค้าการลงทุนเติบโตเป็นเท่าตัวในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ปี 2560 อาเซียนมีมูลค่าเศรษฐกิจ (จีดีพี) ประมาณ 2.7 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วน 3.5% ของมูลค่าเศรษฐกิจโลก และปีนี้กองทุนการเงินระหว่างประเทผส (ไอเอ็มเอฟ) ได้คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจอาเซียนจะขยายตัวในอัตรา 5.2% สูงกว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก ในด้านการค้าอาเซียนมีมูลค่าการค้าประมาณ 2.56 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วน 7.2% ของมูลค่าการค้าโลก ขณะที่มูลค่าการลงทุนจากต่างประเทศ (FDI Inflow) 133,771 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วน 9.3% ของมูลค่าการลงทุนทั่วโลก (Global FDI inflow)
“ประโยชน์ที่ผู้ประกอบการไทยจะได้รับ ไม่ได้เน้นเฉพาะผู้ประกอบการขนาดใหญ่เท่านั้น แต่ผู้ประกอบการขนาดเล็ก หรือเอสเอ็มอีจะได้รับประโยชน์ร่วมด้วย โดยจะมีการส่งเสริมธุรกิจเอสเอ็มอี ให้สินค้ามีราคาที่สามารถแข่งขันกับสินค้าต่างประเทศได้ เปิดโอกาสในการขยายช่องทางทางการค้า ให้สามารถลงทุนในอาเซียนได้ถึง 70% เปิดเสรีการค้าบริการได้เพิ่มขึ้น เปิดโอกาสให้เกิดการเจรจาทางการค้า เพื่อลดปัญหาหรืออุปสรรคในการประกอบธุรกิจ และการลงทุนที่เคยมีข้อจำกัดจะลดน้อยลง ซึ่งเชื่อมั่นว่าการค้าไทย-อาเซียน สามารถเติบโตได้ดีต่อเนื่องแน่นอน” นางสาวบรรจงจิตต์ กล่าว
