เมื่อเวลา 15.10 น. วันที่ 21 กันยายน ที่ สน.บางซื่อ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (รอง ผบช.ทท.) พ.ต.อ.อาชยน ไกรทอง พ.ต.อ.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รอง ผบก.ทท. พร้อมคณะทำงาน และ พ.ต.อ.วิรพล ทับทิมดี ผกก.สน.บางซื่อ แถลงจับกุม นายจิรกิตติ์ พลอยประยูร อายุ 66 ปี ผู้ต้องหาแอบอ้างตัวเป็นนายตำรวจ ยศพลตำรวจตรี โดยอ้างว่าเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นที่ 28 เป็นอดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ในชื่อ พล.ต.ต.จิรกิตติ์ จีบภิญโญ หรือภูมิภัทร ภัทรธำรง มีพฤติกรรมหลอกให้ผู้คนที่หลงเชื่อโอนเงินให้เพื่อวิ่งเต้นทางคดี โดยมีผู้เสียหายประมาณ 5 ราย
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์กล่าวว่า นายจิรกิตติ์ ผู้ต้องหา จะเดินทางไปพบกับตำรวจยังโรงพักต่างๆ โดยอ้างว่าตัวเองจบจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นที่ 28 รุ่นเดียวกับ พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา หรือบิ๊กอ๊อด สามารถช่วยวิ่งเต้นทางคดีได้ มีผู้คนหลงเชื่อ บางรายโอนเงินมาให้จำนวน 500,000 บาท กระทั่งวันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมา นายจิรกิตติ์ได้โทรศัพท์มายังสายงานวิทยุ สน.บางซื่อ ขอให้ช่วยอำนวยความสะดวกในการติดต่อกับกรมขนส่งทางบก เพื่อพบกับอธิบดีกรมการขนส่งทางบกในวันนี้ (21 กันยายน) ก่อนจะถูกจับกุม โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการบันทึกเสียงบทสนทนา มีบางช่วงที่นายจิรกิตติ์แอบอ้างว่าเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นที่ 28 และรู้จักกับนายกรัฐมนตรี เป็นที่ปรึกษาด้านความมั่นคง สำนักนายกรัฐมนตรี
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์กล่าวต่อว่า นายจิรกิตติ์เคยดำรงตำแหน่งเป็นสารวัตร ในหน่วยงานด้านปราบปรามการค้ามนุษย์ ถูกให้ออกจากราชการเนื่องจากมีส่วนพัวพันกับคดียาเสพติดเมื่อปี 2549 ทั้งนี้ เมื่อทำการจับกุม พบหลักฐานเป็นนามบัตรยศตำรวจปลอม และภาพบนเฟซบุ๊กส่วนตัวนายจิรกิตติ์ ในเครื่องแบบชุดพิธีการตำรวจโดยสะพายเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นที่ 3
รอง ผบช.ทท.กล่าวว่า นายจิรกิตติ์ ถูกแจ้งข้อกล่าวหา แจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน แต่งเครื่องแบบหรือประดับเครื่องหมายเจ้าพนักงาน โดยไม่มีสิทธิใช้ยศ ตำแหน่ง เครื่องราชอิสริยาภรณ์ ความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฐานนำเข้าข้อมูลเท็จบางส่วนเข้าสู่ระบบ ซึ่งผู้ต้องหากล่าวยอมรับข้อกล่าวหาบางส่วน หรือภาคเสธ
นายจิรกิตติ์กล่าวว่า หลังจากตนออกจากราชการตำรวจแล้ว ก็ได้มาประกอบธุรกิจส่วนตัว โดยในวันที่ถูกจับกุมนั้น ตนจะไปทำเรื่องโอนทะเบียนรถยนต์ที่หลานชายประมูลมาได้มาเป็นชื่อของตัวเอง
