จากกรณีที่ สมรักษ์ คำสิงห์ อดีตนักชกฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ และภรรยา ถูกฟ้องล้มละลาย
ล่าสุด “บาส” สมรักษ์ เปิดเผยว่า ได้รับหมายศาล เรื่องดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และยอมรับว่าเป็นเรื่องจริง แต่ฝากถึงแฟนๆ ทั่วไป ไม่ต้องเป็นห่วง ตนเองและครอบครัว ยังคงมีความเป็นอยู่สุขสบายดี และพร้อมยืนหยัดสู้ชีวิตต่อไป จริงๆ แล้วเรื่องนี้เป็นคดีเก่าๆ ที่ค้างคามาหลายสิบปีแล้ว ตั้งแต่สมัยยังคงชกมวยสมัครเล่นรับใช้ชาติอยู่เลย เรื่องราวมากมาย วุ่นวายเหล่านี้เกิดขึ้น ก็เพราะเรามัวแต่ชกมวย ไม่มีความรู้เชี่ยวชาญในเรื่องเอกสารต่างๆ การทำธุรกิจ ธุรกรรม เรื่องกฏหมาย สุดท้ายก็เลยกลายเป็นคดียืดเยื้อมาจนถึงปัจจุบัน
“มันเป็นเรื่องเก่าๆ มากมาย ที่ผมยกตัวอย่างนะ อย่างเช่นผมไป ลงทุนเซ็นเอกสาร เรื่องธุรกิจเปิดปั๊มน้ำมัน ให้กับพ่อตาแม่ยายที่จังหวัดชัยภูมิ เมื่อหลายปีก่อนโน้น โดยเราไปลงชื่อเซ็นในเอกสาร ทีนี้พอกิจการมันไปไม่รอด ก็เลยขาดทุนกลายเป็นหนี้สินรุงรัง ตัวเราเองก็ไม่ทันคนเขา เพราะเราไม่รู้เรื่องในรายละเอียด สุดท้ายมันก็เลยเป็นหนี้สินลามไปถึงเรื่องบ้าน ต้องเป็นหนี้ราวๆ สี่ล้านกว่าบาท พูดไปแล้วก็ปวดหัว ผมจึงไม่อยากพูดอะไรมาก ดูตัวอย่างพี่ระ เขาทราย แกแลคซี่ ก็เคยประสบปัญหาแบบนี้มาก่อน สามปีเขาก็ตั้งตัวขึ้นใหม่ได้ ทุกวันนี้ ชีวิตเขาก็มีความสุขเริ่มต้นใหม่ได้ ตัวผมเองก็ยืนยันว่า ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด ผมยังแฮปปี้ดีทุกวันนี้ ผมฝากขอบคุณถึงแฟนๆ ทุกคนที่เป็นห่วง ตอนนี้ผมมีลูกพี่ มีเจ้านายที่ยินดีช่วยเหลือ ตัวผมเองถึงจะถูกฟ้องล้มละลาย มันก็เป็นหนี้สินเฉพาะตัวผม ตราบใดที่ลูกสาวและลูกชาย ทุกวันนี้ ต่างก็เติบโต และมีงานทำมีรายได้ทั้งวงการบันเทิง รายการทีวี ก็ยังมีรายได้เดือนละแสนกว่าบาท ช่วยเหลือครอบครัวเราให้อยู่ได้ ตัวผมเองก็มีงานละคร งานกิจกรรมต่างๆ ก็ยังสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างมีความสุขครับ”
อย่างไรก็ตาม ในวันเดียวกัน นายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม โฆษกกระทรวงยุติธรรม ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กว่า
“คุณสมรักษ์ คำสิงห์ กรณีถ้าศาลมีคำสั่งเด็ดขาดให้เป็นบุคคลล้มละลายตามข่าว ต้องถูกคำสั่งให้ออกจากราชการด้วย
ถ้าปัจจุบันรับราชการทหารเรือยศนาวาเอก แต่ศาลมีคำสั่งเด็ดขาดให้เป็นบุคคลล้มละลายนั้น จะทำให้เป็นบุคคลที่มีคุณสมบัติทั่วไปและมีลักษณะต้องห้าม” ของการรับราชการทหารเรือ ดังนั้น ถ้าคุณสมรักษ์ยังอยู่ในราชการ กองทัพเรือต้องมีคำสั่งให้ออกจากราชการต่อไป เนื่องจากเป็นบุคคลที่เข้าข่ายมีลักษณะต้องห้ามดังกล่าวข้างต้น”
