ติวเข้มผู้ผลิตกาแฟรายย่อยดันขึ้นฮับกาแฟอาเซียน

นายวิบูลย์ รัตนาภรณ์วงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร เปิดเผยระหว่างการเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการพัฒนาระบบการผลิตกาแฟของผู้ประกอบการรายย่อยในภูมิภาคเอเซียนตะวันออกเฉียงใต้ Improving Smallholder Coffee Farming Systems in Southeast Asia (Coffee+) และการฝึกอบรมหลักสูตร วิทยากรโรงเรียนธุรกิจสำหรับเกษตรกร (Farmer Business School – FBS) ว่า โครงการดังกล่าวเกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ) และบริษัท เนสเล่ย์-คลอลิตี้ คอฟฟี่ โปรดักส์ จำกัด รวมทั้งภาครัฐ ภาคเกษตรกร และภาคเอกชน ร่วมกันจัดขึ้น เพื่อต้องการพัฒนาอุตสาหกรรมกาแฟของไทย โดยเน้นการบริหารจัดการแบบครบวงจร บนพื้นฐานของศักยภาพ และอัตลักษณ์ของกาแฟไทย

นายวิบูลย์ กล่าวว่า กาแฟเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญชนิดหนึ่งของไทยที่ทำรายได้ให้เกษตรกรไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาทต่อปี ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาตลาดกาแฟมีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว ทำให้ความต้องการใช้เมล็ดกาแฟในประเทศเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก ขณะเดียวกันผลผลิตกาแฟในประเทศกลับลดลงอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เป็นผลมาจากราคากาแฟที่ตกต่ำเป็นเวลานาน ทำให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนไปปลูกพืชอื่นแทน เช่น ยางพารา ปาล์มน้ำมัน และไม้ผล กระทรวงมหาดไทยได้เล็งเห็นความสำคัญในการดำเนินยุทธศาสตร์กาแฟ จึงมอบหมายให้ทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จัดทำและดำเนินการยุทธศาสตร์กาแฟมาตั้งแต่ปี 2552 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งมีการกำหนดแผนยุทธศาสตร์ตั้งแต่ปี 2560–2564 เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมกาแฟของไทยให้มีความต่อเนื่อง โดยเน้นการบริหารจัดการแบบครบวงจร (Value Chain) บนพื้นฐานของศักยภาพ (Potential) และอัตลักษณ์ของกาแฟไทย พัฒนาระบบมาตรฐานการผลิตในระดับฟาร์มถึงผู้บริโภค โดยการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดต้นทุนการผลิต การพัฒนาคุณภาพเมล็ดกาแฟ สู่มาตรฐานสากล การผลิตกาแฟเฉพาะถิ่น และการเป็นศูนย์กลางการค้ากาแฟในอาเซียน

นายวิบูลย์กล่าวว่า ทั้งนี้ ในภาคใต้ของไทยโดยเฉพาะจังหวัดชุมพร และระนองเป็นพื้นที่ ที่มีความเหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของกาแฟโรบัสต้า ทั้งในแง่ของสภาพพื้นที่และภูมิอากาศ ซึ่งโครงการดังกล่าว ได้สนับสนุนให้เกษตรกรผู้ปลูกกาแฟรายย่อยของไทยมีความรู้ ทักษะในการเป็นผู้ประกอบการกาแฟ ให้สามารถปรับมุมมองทัศนคติจากการทำการเกษตรแบบเดิม หันมามองการทำการเกษตรในรูปแบบของธุรกิจเกษตร มีความสามารถในการผลิตกาแฟคุณภาพ ได้มาตรฐาน ลดต้นทุนการผลิต โดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม อันจะเป็นผลให้ กลุ่มเกษตรกร/สหกรณ์ มีความเข้มแข้ง และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image