เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. เปิดเผยถึงกรณี เฟซบุ๊กแฟนเพจ “อยากดังเดี๋ยวจัดให้ V.3” ลงข้อความว่าฝากเตือน ตำรวจคนหนึ่งของ จ.พิษณุโลก เกี่ยวกับการข่มขู่เผยแพร่ภาพลับ ราวี ขอมีความสัมพันธ์กับคนรักเก่าถึงขั้นจะยิงให้ตาย และมีภาพประจำวันของ สภ.วังน้ำคู้ จ.พิษณุโลก เผยแพร่ลงในสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งมีชาวเน็ตวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางนั้น เพจดังแฉ “พ.ต.ต.”ราวีสาวแฟนเก่า ขอนอนด้วย ขู่จะยิงทิ้งเหมือนหมา- ปล่อยรูปโป๊ ว่า ได้รับรายงานจาก ภ.จว.พิษณุโลก ว่า เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม ได้มีผู้แจ้งซึ่งเป็นหญิง อายุ 27 ปี มาพบพนักงานสอบสวน สภ.วังน้ำคู้ จว.พิษณุโลก แจ้งว่า เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2561 เวลาประมาณ 15.33 น. ได้มี เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตำแหน่ง สว.กก.สส.ภ.6 นายหนึ่ง ข่มขู่ว่าจะทำร้ายผู้แจ้ง ซึ่งผู้แจ้งเกรงว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน โดยผู้แจ้งประสงค์ขอลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งพนักงานสอบสวนจะได้ตรวจสอบว่า บุคคลที่ผู้แจ้งกล่าวถึงนั้น เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจริงหรือไม่ และจะได้ติดต่อผู้แจ้งมาสอบถามเพื่อยืนยันว่าผู้แจ้งประสงค์ดำเนินคดีหรือไม่ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
“ต่อมา เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2561 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธร ภาค 6 ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว โดยมอบหมาย พ.ต.ท.พีรชาติ ป้อมบุญมี รอง ผกก. กก.สส.1 บก.สส.ภ.6 เป็นประธานกรรมการ ในการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยให้ดำเนินการตรวจสอบชื่อบุคคลที่ปรากฏเป็นข่าวและปรากฏในโซลเชียลมีเดียนั้น เป็นข้าราชการตำรวจในสังกัด บก.สส.ภ.6 จริงหรือไม่ และให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องที่กล่าวหา ให้ครบถ้วนทุกประเด็น พร้อมพิจารณาว่าเป็นกรณีมีมูลความผิดวินัยหรือไม่ โดยให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จ ภายใน 29 ตุลาคม 2561” พ.ต.อ.กฤษณะกล่าว
รอง โฆษก ตร.กล่าวต่อว่า ในเรื่องดังกล่าว ทาง ภ. 6 ได้สั่งตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงแล้ว ขณะนี้ต้องให้ทางคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนให้ได้ข้อสรุปก่อน และรายงานผลการตรวจสอบตามลำดับชั้นขึ้นมา โดยจะดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ และกรอบเวลา
“รายงานให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. รับทราบแล้ว ได้กำชับให้การดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วยความ รวดเร็ว โปร่งใส และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา พล.ต.อ.จักรทิพย์ ได้สั่งการมาโดยตลอด ห้ามเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปฏิบัติหน้าที่หรือประพฤติตนอันเป็นการเหลื่อมล้ำกับกฎหมาย สร้างความเดือนร้อนแก่พี่น้องประชาชน โดยเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติงานด้วยความสุจริต เป็นธรรม ให้บริการประชาชนด้วยใจ เสมือนเป็นคนในครอบครัว นึกถึงความเดือดร้อน หรือปัญหาต่างๆที่ประชาชนมาขอความช่วยเหลือเป็นสำคัญ คอยบำบัดทุกข์บำรุงสุขแก่ประชาชน ตลอดจนการปฏิบัติหน้าที่ตามกรอบของกฎหมาย พร้อมกำชับผู้บังคับบัญชา คอยสอดส่องดูแล ผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างใกล้ชิดทั้งในเวลาราชการและนอกเวลาราชการ หากพบเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีความพฤตินอกรีต ไปเรียกรับเงินทอง เรียกรับผลประโยชน์อื่นใด หรือแม้กระทั่งใช้อำนาจหน้าที่ในทางมิชอบ จะดำเนินทางวินัยและอาญา อย่างเด็ดขาด ไม่ปล่อยไว้ให้เป็นเยี่ยงอย่าง เสื่อมเสียชื่อเสียงขององค์กรและเสียกำลังใจของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ประพฤติปฏิบัติดีอยู่แล้ว” รองโฆษกตร.กล่าว
