เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 19 ตุลาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดเหตุเพลิงไหม้อาคารห้องแถวไม้ 2 ชั้น หลังตลาดสดเทศบาล 3 หมู่ 11 ต.หนองไผ่ อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ โดยต้นเพลิงเริ่มลุกจากห้องแถวชั้นล่างร้านขายของชำ เลขที่ 719 โดยมีนางแน่งน้อย พุ่มทิม อายุ 67 ปีเป็นเจ้าของ และเนื่องจากเป็นอาคารไม้เก่าแก่อายุกว่า 40 ปี ประกอบกับภายในมีถุงพลาสติกและสินค้าที่เป็นเชื้อเพลิง ทำให้เพลิงลุกติดอย่างรวดเร็ว ทำให้ช่างที่ถูกนางแน่งน้อยว่าจ้างให้มาทำการเปลี่ยนหลังคาบ้านพัก พยายามนำถังใส่น้ำมาสาดหวังจะดับเพลิงแต่ไม่สามารถสกัดไว้ได้ ทำให้ลุกลามไหม้ทั้งหลัง หลังจากนั้นยังเริ่มลุกลามติดอาคารห้องแถวข้างเคียงอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ขณะเกิดเหตุ นางแน่งน้อยถึงกับเกิดอาการช็อคและพยายามจะวิ่งฝ่าเปลวเพลิงเข้าไปค้นหาเงินจำนวนนับแสนบาทที่เก็บไว้ภายในร้าน กระทั่งประชาชนต้องช่วยกันห้ามปราม อย่างไรก็ตาม หลังได้รับแจ้ง นายสิริชัย จันทร์พัชรินทร์ นายกเทศมนตรีตำบลหนองไผ่ ได้ระดมรถดับเพลิงเทศบาลฯ พร้อมเจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัย, ทหาร และอาสาสมัครกู้ภัยเอกชนในพื้นที่ รวมทั้งขอสนับสนุนรถดับเพลิงจากเทศบาลและอบต.ข้างเคียงรวมทั้งสิ้น 9 คัน เพื่อช่วยกันฉีดน้ำสกัดเพลิงดังกล่าว โดยใช้ระยะเวลาเกือบ 2 ชั่วโมงจึงสามารถสกัดเพลิงที่ลุกลามไหม้ติดอาคารห้องแถวจำนวน 5 คูหา
หลังเพลิงสงบ ร.ต.อ.มนตรี พูลเขตกิจ รอง สว.สอบสวน สภ.หนองไผ่ ได้เดินทางไปตรวจสอบในที่เกิดเหตุ ส่วนนางแน่งน้อยทางเจ้าหน้าที่ได้พาเข้าไปในร้านขายของชำที่ถูกเพลิงเผาวอดบริเวณจุดเก็บทรัพย์สิน เพื่อค้นหาเงินสดจากการขายสินค้าที่เก็บไว้ จนได้พบปี๊บซึ่งภายในบรรจุธนบัตรฉบับชนิดต่างๆ ตั้งแต่ฉบับละ 20 บาทจนถึง 1,000 บาท ใส่ไว้ข้างในแน่น มูลค่ากว่าหนึ่งแสนบาท ได้รับความเสียหายเนื่องจากการถูกเพลิงเผา ทำให้นางแน่งน้อยถึงกับเข่าทรุด
ด้านนายบุญสืบ จั่นจอน อายุ 30 ปี ช่างรับเหมาซ่อมหลังคา เล่าว่า ช่วงก่อนเกิดเหตุตนกับคนงานกำลังเปลี่ยนหลังคา โดยยิงน๊อตยึดโครงเหล็กกับโครงไม้เดิมบนหลังคา ได้สังเกตเห็นกลุ่มควันพวยพุ่งขึ้นมาระหว่างข้างฝาห้องแถว จึงรีบบอกคนงานและรีบลงมาจากหลังคา และเร่งให้ช่วยกันนำน้ำขึ้นมาสาดใส่ข้างฝา โดยไม่ทราบว่าต้นเพลิงเกิดจากอะไร
อย่างไรก็ตาม สำหรับสาเหตุของการเกิดเหตุเพลิงไหม้ในครั้งยังอยู่ระหว่างการสอบสวนของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองไผ่ และล่าสุดได้มีการประสานทางเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจังหวัดฯ ลงพื้นที่ตรวจสอบในที่เกิดเหตุแล้ว
